มอง SET เริ่มมี upside จำกัดในระยะสั้น บริเวณแนวต้าน 1600-1610 จุด จากสัญญาณเทคนิคในระยะสั้นที่เข้าสู่ภาวะ Overbought ทำให้ต้องมีการพักตัวเพื่อลดความร้อนแรงในระยะสั้นก่อน ด้านแนวรับอยู่ที่ 1578 และ 1570 จุด ตามลำดับ อย่างไรก็ตามในภาพรวม คาดว่าดัชนียังมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ต่อ และมีโอกาสทำจุดต่ำไปแล้วบริเวณ 1519 จุด
ประเด็นสำคัญ
ส.อ.ท. รายงานยอดผลิตรถยนต์ ก.พ. เพิ่มขึ้น 6.39%YoY หลังปัญหาขาดแคลนชิปคลี่คลาย ด้านยอดส่งออกรถยนต์ ก.พ. โต 11.42%YoY คาดยอดส่งออกปีนี้ที่ 1.05 ล้านคัน ใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดโควิดปี 62 ที่ 1.054 ล้านคัน ส่วนยอดขายใน ปท. ก.พ. ลดลง 3.94%YoY
ททท. ระบุ นทท. จีนขอวีซ่าเข้าไทย ณ สถานทูตเฉลี่ยเดือนละ 8 หมื่นราย ไม่นับการเดินทางมาขอวีซ่า VOA ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง คาด นทท. จีนเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
รมว. คลังสหรัฐ แถลงต่อคองเกรส ระบุพร้อมใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อปกป้องเงินฝากธนาคารของชาวอเมริกัน
BoE มีมติขึ้น ด.บ. 0.25% สู่ 4.25% ตามคาด เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 และคาดว่าจะขึ้น ด.บ. อีก 2 ครั้งในปีนี้ ประเมินว่าการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อจะชะลอลงเร็วกว่าก่อนหน้านี้
สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วลดลง 1,000 ราย อยู่ที่191,000 ราย ทำระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ส่วนยอดขายบ้านใหม่ ก.พ. เพิ่มขึ้น
1.1%MoM ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ส.ค. 2565 แต่เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่ ก.พ. ลดลง 19.0%YoY
รมว. พลังงานสหรัฐระบุการเติมเต็มคลังสำรองฯ (SRR) จะใช้เวลาหลายปี หลังปริมาณน้ำมันในคลังลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปี
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1500-1580 จุด และยากจะฟื้นตัวได้แรง หลังนักลงทุนยังระมัดระวังและรอประเมินผลกระทบวิกฤติภาคธนาคารของสหรัฐและยุโรปที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ FED และ BoE ในสัปดาห์นี้ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงคงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET แกว่งตัวผันผวนในกรอบระหว่างรอประเมินผลกระทบของธนาคารในสหรัฐและยุโรป รวมทั้งผลการประชุมนโยบายการเงินของ FED และ BoE กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ดังนี้
1) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ และต้องการเก็งกำไร กรณี FED มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps และส่งสัญญาณยังเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ พร้อมไม่ลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้ Bond Yield ปรับขึ้นต่อ กดดันให้ตลาดจะเพิ่มความกังวลที่มีต่อภาคธนาคารและภาวะเศรษฐกิจโลก แนะนำกลุ่ม Defensive เลือก BDMS ADVANC
2) นักลงทุนรับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร หลัง SET หลุด 1600 แนะนำหุ้นที่มีพื้นฐานแกร่ง ราคาหุ้นปรับลงแรง YTD และแย่กว่า SET เลือก PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF ขณะที่ผู้ที่มีหุ้นชุดนี้แล้ว แนะนำรอจังหวะขายเมื่อมีกำไร หรือ SET กลับไปบริเวณ 1600
ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด สำหรับ
1) หุ้นที่โดนปรับลดประมาณการกำไรหรือ Downgrade/ราคามี Downside/มีปัจจัยเสี่ยงรออยู่ ได้แก่ AEONTS BEM SAWAD TCAP TIDLOR TLI TTB MST MTC TQM
2) หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP
Daily focus
AH Valuation น่าสนใจ หลังล่าสุดราคาหุ้นปรับตัวลงมาเทรดที่ PE 66 ระดับ 5.0x ซึ่งเป็นระดับที่เคยเห็นในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551-2552 แล้ว ขณะที่ปี 2566 คาดกำไรยังเติบโต 8%YoY จากการดำเนินงานในไทยและโปรตุเกสที่เติบโตมากขึ้น
KCE มอง 1Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของกำไรปีนี้ และจะกลับเติบโตโดดเด่นอีกครั้งใน 2H66 จาก Pent-up demand โดยเฉพาะลูกค้าในฝั่งยุโรปจะชดเชยการปรับลดราคาขายให้กับลูกค้าได้ และคาดว่าจะดีต่อเนื่องไปถึงปี 2567 ที่มีการขยายกำลังการผลิตครั้งใหญ่
ข่าวเด่น