ยังมอง SET ในระยะสั้นมี upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1600-1610 จุด จากสัญญาณเทคนิคในระยะสั้นที่เข้าสู่ภาวะ Overbought ทำให้ต้องมีการพักตัวเพื่อลดความร้อนแรงก่อน รวมถึงตลาดกังวลปัญหาภาคธนาคารหลัง CDS ของดอยซ์แบงก์ปรับขึ้นแรง สะท้อนความกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1582 และ 1572 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
นายกฯ เยอรมนีแสดงความเชื่อมั่นสถานะทางการเงินของดอยซ์แบงก์ โดยระบุผ่านการปรับโครงสร้างแล้ว หลังจากราคาหุ้นร่วงลงแรง ขณะที่ CDS พุ่งสูงสุดในรอบ 4 ปี กังวลผิดนัดชำระหนี้
รัสเซีย ประเทศที่ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลก มีแผนที่จะระงับการส่งออกข้าวสาลีและเมล็ดทานตะวัน เพื่อรับมือกับภาวะราคาชะลอตัว
Bloomberg ระบุเที่ยวบินที่ออกจากปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้รวมกันอยู่ที่ 927 เที่ยวต่อวัน สูงสุดตั้งแต่เปิดเประเทศ และคาดจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
ททท. คาด 1Q66 มี นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทย 6 ล้านคน ปีนี้คาด นทท. ต่างชาติไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน และอาจแตะระดับ 30 ล้านคน
ก. คลัง ระบุยอดจัดเก็บรายได้ 5 เดือน ปีงบ 2566 ที่ 9.9 แสนลบ. สูงกว่าเป้า 10% หนุนจาก ศก. ฟื้น ส่วนเงินคงคลังอยู่ที่ 2.4 แสนลบ.
สรรพสามิตขึ้นภาษีความหวานเฟส 3 เริ่ม 1 เม.ย. คาดเครื่องดื่ม-น้ำอัดลม ไม่ปรับขึ้นราคา หลังผู้ประกอบการลดส่วนผสมน้ำตาลลง
FETCO จัดสัมมนาเชิญ 9 พรรคการเมืองแสดงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนตลาดทุนไทย โดยมีความเห็นต่างในประเด็นเก็บภาษีขายหุ้น ทางด้าน ASCO คาดมูลค่าซื้อขายตลาดหุ้นไทยปีนี้ลดลง YoY แต่คาด H2/66 น่าจะคึกคักรับรัฐบาลใหม่
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1550-1620 จุด โดยแม้การออกมาตรการที่รวดเร็วของธนาคารกลางจะช่วยลดความเสี่ยงที่วิกฤตจะลุกลามได้ดี แต่ประเมินตลาดการเงินโลกยังคงมีเสี่ยงและเปราะบาง จากผลกระทบของวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังต้องติดตามต่อไป กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ภายใต้ภาวะตลาดการเงินที่ยังคงมีเสี่ยงและเปราะบาง จากผลกระทบของวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังต้องติดตามต่อไป กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Best of the best ภายใต้วิกฺฤติการเงินในสหรัฐและยุโรป ซึ่งมีพื้นฐานและฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. ทำให้คาด Downside เริ่มจำกัด จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF
2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ ซึ่งต้องการเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น หลังมอง กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bps ในการประชุมสัปดาห์หน้า เลือก KTB KBANK
3) นักลงทุนรับความเสี่ยงได้ ซึ่งเก็งกำไรในหุ้นที่เคยแนะนำในช่วงที่ SET หลุด 1600 ได้แก่ PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF แนะนำรอจังหวะขายเมื่อมีกำไร หรือ SET กลับไปบริเวณ 1600
4) Trading Idea : หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวลงสวนทางดัชนีกลุ่ม Semiconductor ในสหรัฐ ขณะทีผลประกอบคาดจะผ่านจุดต่ำสุดใน 1Q66 เลือก KCE HANA
ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุน สำหรับหุ้นที่มีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP
Daily focus
AOT มองกำไร 2QFY66 จะแข็งแกร่งขึ้นจากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และจะเติบโตก้าวกระโดดใน 3QFY66 หลังกลับมาเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำในวันที่ 1 เม.ย. หลังจากมาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์สิ้นสุดลง
MAKRO 1Q66 คาดกำไรปกติเติบโต YoY เนื่องจากยอดขายปลีก (SSS เติบโตในระดับ low teen YoY สำหรับธุรกิจ B2B และเติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ สำหรับธุรกิจ B2C ใน 1Q66TD) และรายได้ค่าเช่าที่ดีขึ้นจะมากเกินพอชดเชยค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
ข่าวเด่น