เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บมจ.ไทยออยล์วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ "ราคาน้ำมันดิบคาดได้รับแรงกดดันจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ท่ามกลางอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว"


ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 65-75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 70-80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (27 – 31 มี.ค. 66)
 
ราคาน้ำมันดิบคาดได้รับแรงกดดันจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงจนถึงสิ้นปี  ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อวิกฤตในภาคธนาคารสหรัฐฯ เพิ่มเติม ขณะที่ความกังวลของวิกฤตในภาคธนาคารยุโรปผ่อนคลายลงจากเข้าซื้อธนาคารเครดิตสวิสโดยธนาคารยูบีเอสซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสวิสเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากอุปทานซึ่งคาดว่าจะยังคงตึงตัวต่อเนื่อง หลังรัสเซียตัดสินใจลดกำลังการผลิตที่ระดับ 500,000 บาร์เรลต่อวัน จนถึงเดือน มิ.ย. 66  และกลุ่ม OPEC+ ยังคงนโยบายการลดกำลังการผลิตที่ระดับ 2.0 ล้านบาร์เรลต่อวันเช่นเดิม ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันของจีนและอินเดียมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ในวันที่ 21 – 22 มี.ค. 2566 มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25 % สู่ระดับ 4.75 – 5.00 % แม้อัตราเงินเฟ้อเดือน ก.พ. 66 ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 6.0 % Y-o-Y ขณะที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed ’Dot Plot) คาดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ จะยืนที่ระดับ 5.1% ในช่วงสิ้นปี 2566 และปรับลดลงสู่ระดับ 4.3 % ในสิ้นปี 2567 ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของประธานเฟดที่แสดงความเห็นว่า จะไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้ การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระดับในระดับสูงต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบมากขึ้นต่อเสถียรภาพของระบบธนาคารสหรัฐฯ และกดดันความต้องการใช้น้ำมันของโลก
 
 
ความกังวลต่อวิกฤตภาคธนาคารในยุโรปผ่อนคลายลง หลังธนาคาร Union Bank of Switzerland (UBS) บรรลุข้อตกลงซื้อธนาคาร Credit Suisse (CS) ที่มูลค่า 3 พันล้านฟรังก์สวิส ผ่านการสนับสนุนจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และมีการอนุมัติสินเชื่อเบื้องต้นเพื่อเสริมสภาพคล่องราว 1 แสนล้านฟรังก์สวิส 
 
 
นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีของรัสเซียประกาศขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตที่ระดับ 500,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อตอบโต้มาตรกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบ (Price cap) จากเดือน มี.ค. เป็นเดือน มิ.ย. ขณะที่กลุ่ม OPEC+ เปิดเผยว่าทางกลุ่มผู้ผลิตยังคงแผนเดิมในการปรับลดกำลังการผลิตที่ 2.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้ในช่วงที่ผ่านมาตลาดน้ำมันจะได้รับแรงกดดันจากความกังวลต่อวิกฤตในภาคธนาคารของสหรัฐฯ และยุโรป
 
 
Wood Mackenzie คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันของจีนมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นที่ระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2566 จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันของอินเดียมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน หลังตัวเลขการนำเข้าน้ำมันดิบของอินเดียในเดือน ก.พ. 66 ปรับเพิ่มสูงขึ้น 8 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สู่ระดับ 22.57 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 20 ปี
 
 
เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.8 ริกเตอร์ ทางภูมิภาคตอนใต้ของเอกวาดอร์ เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้การผลิตน้ำมันดิบของประเทศได้รับผลกระทบราว 24,000 บาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้บริษัท Petroecuador ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติของเอกวาดอร์ได้ประกาศเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) ที่แหล่งผลิตน้ำมัน Eden Yuturi ซึ่งมีกำลังผลิต 90,000 บาร์เรลต่อวัน จากเหตุการณ์ประท้วงของชาวพื้นเมือง
 
 
เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน เดือน มี.ค. 66  ซึ่งคาดว่าจะปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 50.5 และตัวเลขทางเศรษฐกิจของยุโรป ได้แก่ อัตราการว่างงาน ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 6.6 % และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน มี.ค. 66 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 8.2 %  
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (20 – 24 มี.ค. 66)  
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 1.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 69.26 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับเพิ่มขึ้น 1.20 หรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 74.99 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 74.96 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังตลาดคลายกังวลได้บางส่วน เนื่องจากธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่าง ยูบีเอส ได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อเครดิต สวิส เพื่อที่จะกอบกู้ธนาคารอันดับ 2 ของประเทศ นอกจากนี้ ธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ต่างพากันแถลงเสริมสภาพคล่องและสนับสนุนสถาบันการเงินอื่นๆ ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นไปตามที่ตลาดคาดที่ระดับ 0.25 % อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 17 มี.ค. 66 ปรับเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 481.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 มี.ค. 2566 เวลา : 11:54:53
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 3:33 pm