ปัญหาภาคธนาคารสหรัฐ และยุโรปดูคลายกังวล จากการเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว และการให้ความเชื่อมั่น สร้าง Sentiment บวกต่อดัชนี หนุนให้ทดสอบบริเวณ 1600-1610 จุด อย่างไรก็ตาม คาดบริเวณนี้มี Upside ในระยะสั้นที่จำกัดก่อน ด้านแนวรับอยู่ที่ 1586 และ 1578 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
First Citizens BancShares ข้อตกลงซื้อกิจการ SVB จาก FDIC มูลค่า 1.65 หมื่นล้านเหรียญ ครอบคลุมเงินฝากและเงินกู้ทั้งหมดของ SVB
IMF เตือนวิกฤติธนาคารสะท้อนความเสี่ยงเสถียรภาพทางการเงินเพิ่มขึ้น และเรียกร้องให้ทุกประเทศเฝ้าระวังใกล้ชิด
FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 66.9% ที่ Fed จะคง ด.บ. ที่ระดับ 4.75 - 5% ในการประชุม 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 33.1% ที่จะขึ้น ด.บ. 0.25% นอกจากนี้ คาดจะคง ด.บ.ในการประชุม มิ.ย.และจะลด ด.บ.ใน ก.ค.
อิรักระงับการส่งออกน้ำมันบางส่วนจากเคอร์ดิสถานที่อยู่ทางตอนเหนือของอิรัก ส่งผล นลท. คาดน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะอุปทานตึงตัว
ดิสนีย์ เตรียมปลดพนักงาน 7000 คน เพื่อปรับลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มกระแสเงินสด โดยคาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายได้ 5.5 พันล้านเหรียญ
คนงานฝรั่งเศสประท้วงหยุดงานปิดท่าเรือรับน้ำมันดิบกระทบโรงกลั่นในฝรั่งเศส ส่วนคนงานเยอรมันประท้วงปิดสนามบิน
ททท.คาด เม.ย. 66 นทท. จีนมาไทย 2.5-3 แสนคน ส่วน นทท. รวมคาด 1-2 ล้านคน โดยใน 1Q66 มี นทท.เข้าไทยกว่า 6 ล้านคนแล้ว
ธุรกิจบัตรเครดิต 1Q66 โตแรง ยอดการใช้จ่ายเพิ่ม และมีทิศทางดีต่อเนื่องใน 2Q66 จากการเลือกตั้งที่จะทำให้มีเม็ดเงินสะพัด โดย BBL TTB KTC BAY ต่างคาดปีนี้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ เติบโตดี
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1550-1620 จุด โดยแม้การออกมาตรการที่รวดเร็วของธนาคารกลางจะช่วยลดความเสี่ยงที่วิกฤตจะลุกลามได้ดี แต่ประเมินตลาดการเงินโลกยังคงมีเสี่ยงและเปราะบาง จากผลกระทบของวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังต้องติดตามต่อไป กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ภายใต้ภาวะตลาดการเงินที่ยังคงมีเสี่ยงและเปราะบาง จากผลกระทบของวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังต้องติดตามต่อไป กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Best of the best ภายใต้วิกฤติการเงินในสหรัฐและยุโรป ซึ่งมีพื้นฐานและฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. ทำให้คาด Downside เริ่มจำกัด จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF
2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ ซึ่งต้องการเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น หลังมอง กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bps ในการประชุมสัปดาห์หน้า เลือก KTB KBANK
3) นักลงทุนรับความเสี่ยงได้ ซึ่งเก็งกำไรในหุ้นที่เคยแนะนำในช่วงที่ SET หลุด 1600 ได้แก่ PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF แนะนำรอจังหวะขายเมื่อมีกำไร หรือ SET กลับไปบริเวณ 1600
4) Trading Idea : หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวลงสวนทางดัชนีกลุ่ม Semiconductor ในสหรัฐ ขณะทีผลประกอบคาดจะผ่านจุดต่ำสุดใน 1Q66 เลือก KCE HANA
ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุน สำหรับหุ้นที่มีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP
Daily focus
CPALL ปี 2566 กำไรปกติมีแนวโน้มที่จะเติบโตดีที่สุดเป็นอันดับสองของกลุ่มพาณิชย์ที่ 25% YoY (รองจาก MAKRO) จากผลการดำเนินงานของธุรกิจ CVS และ MAKRO ที่ดีขึ้น หลังมีปัจจัยบวกทั้งการเติบโตของยอดขาย ค่าไฟฟ้าและต้นทุนการเงินที่ลดลง
SPRC ปี 2566 คาด GRM โดยรวมจะได้แรงหนุนจาก crack spread ที่สูงขึ้นของผลิตภัณฑ์หลักทุกประเภท โดยมีสาเหตุมาจากการฟื้นตัวของอุปสงค์หลังจากจีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซินที่ได้ผลบวกจากการเตรียมเข้าสู่ฤดูกาลขับขี่ ซึ่ง SPRC มีสัดส่วนสูงสุดในกลุ่ม
ข่าวเด่น