เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ยังไม่มีปัจจัยลบถ่วง แค่ระวังแรงขายทำกำไร และความผันผวนระยะสั้น"


ปัญหาภาคธนาคารสหรัฐ และยุโรป คลายกังวล และยังไม่มีปัญหาใหม่ตามมา ทำให้ SET ภาพรวมยังดี โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1615 และ 1625 จุด ตามลำดับ แต่ในระยะสั้นมีโอกาสเกิดแรงขายทำกำไรสลับบ้าง และวันนี้ให้ระวังความผันผวน โดยเฉพาะในช่วงบ่ายจาก S50H23 ที่จะหมดอายุในวันนี้ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1590-1600 จุด หากต่ำกว่า จะเห็นภาพการพักตัวชัดขึ้น 

ประเด็นสำคัญ
 
FDIC อยู่ในช่วงพิจารณาให้ธนาคารขนาดใหญ่ช่วยเหลือธนาคารเล็กมูลค่ารวม 2.3 หมื่นล้านเหรียญ

EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 7.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าคาดว่าจะลดลง 5.5 ล้านบาร์เรล

Apple ประกาศจัดงาน WWDC 2023 5-9 มิ.ย. เตรียมเปิดตัว iOS 17 คาดอาจได้เห็นอุปกรณ์ AR/VR ในงานนี้ด้วย

กนง. มีมติเอกฉันท์ขึ้น ด.บ. นโยบาย 0.25% สู่ 1.75% ส่งสัญญาณขึ้น ด.บ. ต่อเนื่อง เงินเฟ้อพื้นฐานยังสูง คาดเงินเฟ้อทั่วไปเข้ากรอบเป้าหมายกลางปี 2566 ปรับประมาณการ GDP ปีนี้ลงที่ 3.6%

สศอ. รายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ก.พ. หดตัว 2.71%YoY โดยอุปสงค์ ตปท. อ่อนแอจาก ศ.ก. ที่ยังคงเปราะบาง ส่วนการบริโภคใน ปท.-ท่องเที่ยวช่วยพยุงต่อเนื่อง

วันนี้ติตดามศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษา คดีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่ BTS ยื่นฟ้อง คกก. คัดเลือกฯ กรณีให้ยกเลิกการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนตามประกาศวันที่ 3 ก.ค. 2563 ทางด้าน ครม. ระบุจะไม่นำโครงการนี้เข้าพิจารณาใน ครม.ชุดปัจจุบันแล้ว ให้รัฐบาลหน้าเป็นผู้พิจารณา

กลยุทธ์การลงทุน
 
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1550-1620 จุด โดยแม้การออกมาตรการที่รวดเร็วของธนาคารกลางจะช่วยลดความเสี่ยงที่วิกฤตจะลุกลามได้ดี แต่ประเมินตลาดการเงินโลกยังคงมีเสี่ยงและเปราะบาง จากผลกระทบของวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังต้องติดตามต่อไป กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน
 
Weekly Portfolio : ภายใต้ภาวะตลาดการเงินที่ยังคงมีเสี่ยงและเปราะบาง จากผลกระทบของวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังต้องติดตามต่อไป กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1) หุ้น Best of the best ภายใต้วิกฤติการเงินในสหรัฐและยุโรป ซึ่งมีพื้นฐานและฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. ทำให้คาด Downside เริ่มจำกัด จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF 

2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ ซึ่งต้องการเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น หลังมอง กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bps ในการประชุมสัปดาห์หน้า เลือก KTB KBANK

3) นักลงทุนรับความเสี่ยงได้ ซึ่งเก็งกำไรในหุ้นที่เคยแนะนำในช่วงที่ SET หลุด 1600 ได้แก่ PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF แนะนำรอจังหวะขายเมื่อมีกำไร หรือ SET กลับไปบริเวณ 1600

4) Trading Idea : หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวลงสวนทางดัชนีกลุ่ม Semiconductor ในสหรัฐ ขณะทีผลประกอบคาดจะผ่านจุดต่ำสุดใน 1Q66 เลือก KCE HANA

ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุน สำหรับหุ้นที่มีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP

Daily focus
 
KCE มอง 1Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของกำไรปีนี้ และจะกลับเติบโตโดดเด่นอีกครั้งใน 2H66 จาก Pent-up demand โดยเฉพาะลูกค้าในฝั่งยุโรปจะชดเชยการปรับลดราคาขายให้กับลูกค้าได้ และคาดว่าจะดีต่อเนื่องไปถึงปี 2567 ที่มีการขยายกำลังการผลิตครั้งใหญ่

BBL ปี 2566 คาดกำไรเติบโต 50%YoY สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร อีกทั้งมองมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการกลับเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 30 มี.ค. 2566 เวลา : 10:23:43
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 3:42 pm