คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบระหว่าง 1560-1590 จุด และมูลค่าการซื้อขายยังคงเบาบางก่อนหยุดเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งสัปดาห์นี้ตลาดเปิดทำการเพียง 3 วัน รวมถึงวันนี้หลายตลาดต่างประเทศปิดทำการในวันอีสเตอร์ ขณะที่ตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ และไม่มีปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดมากนัก
ประเด็นสำคัญ
สหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร มี.ค. เพิ่มขึ้น 2.36 แสนตำแหน่ง น้อยกว่าคาดและต่ำสุดตั้งแต่ ธ.ค. 63 ส่วนค่าจ้างราย ชม. +4.2%YoY ต่ำสุดตั้งแต่ มิ.ย. 64 ขณะที่อัตราว่างงานลดลงมาที่ 3.5%
จีนซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันเป็นเวลา 3 วันตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา หลัง ปธน. ไต้หวันเสร็จสิ้นการเดินทางไปเยือนสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ ปธน. ฝรั่งเศส ระบุยุโรปควรมียุทธศาสตร์อิสระ ไม่ทำตามนโยบายของสหรัฐฯ-จีน เรื่องไต้หวัน
Exxon Mobil เจรจาเตรียมเข้าซื้อกิจการ Pioneer ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินของสหรัฐ
กกร. ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ในวันนี้ขอให้ทบทวนขึ้นค่า FT งวด พ.ค.-ส.ค. ไม่เกิน 4.40 บ./หน่วย ด้าน กกพ. แจ้งว่าแม้ กฟผ. ขอยืดเวลาการคืนหนี้อุดหนุนค่าไฟฟ้าจาก ธ.ค. 67 เป็น เม.ย. 68 ซึ่งจะช่วยให้ค่าไฟงวด 2Q66 ลดลงจาก 4.77 เหลือ 4.70 บ./หน่วย แต่ กกพ.จะไม่ทบทวนเพราะมีมติและจัดทำรับฟังความคิดเห็นจาก ปชช. เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ สนพ. ระบุยอดใช้ไฟฟ้าสูงสุดครั้งที่ 3 ของปีนี้ที่ 3.3 หมื่น MW ปีนี้อาจพุ่งถึง 3.9 หมื่น MW
สนง. ก.ล.ต. ระบุจำนวนบัญชีซื้อขายที่ active ผ่านศูนย์ซื้อขายอยู่ที่ 1.74 แสนบัญชี เพิ่มขึ้น 15.23% จากเดือน ก.พ. 66 มูลค่าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ที่ราว 2.9 หมื่นลบ.
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังมี Upside จำกัดและมีโอกาสพักตัว หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และโดยปกตินักลงทุนจะชะลอการเข้าลงทุนจากการมีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ (ปกติเดือน เม.ย. วอลุ่มตลาดส่วนใหญ่จะลดลง MoM) อีกทั้งมุมมองที่แตกต่างระหว่างเฟดและตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจนำไปสู่ความผันผวนของตลาดในระยะถัดไป กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET มี Upside จำกัดและมีโอกาสพักตัว หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และใกล้วันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Best of the best ภายใต้วิกฤติการเงินในสหรัฐและยุโรป ซึ่งมีพื้นฐานและฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. ทำให้คาด Downside เริ่มจำกัด จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF
2. หุ้นที่มีสถิติให้ผลตอบแทนดีหากซื้อวันแรกหลังเปิดสงกรานต์และขายปลายเดือน เม.ย. โดยคัดเลือกหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และมีปัจจัยบวกหนุน ได้แก่ กลุ่มพลังงาน เลือก PTT BCP ซึ่งคาดได้อานิสงส์ราคาน้ำมันฟื้นตัวและค่าการกลั่นเข้าสู่ High Season, กลุ่มค้าปลีก เลือก HMPRO หลังอุปสงค์เครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มให้ความเย็นปรับตัวดีขึ้นจากภาวะอากาศร้อนจัด และหุ้นปันผล เลือก AP KKP KTB LH ซึ่งจะขึ้น XD ในช่วงกลาง เม.ย.-ต้น พ.ค. นี้
Daily focus
BBL ปี 2566 คาดกำไรเติบโต 50%YoY สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร อีกทั้งมองมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการกลับเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น
GULF ปี 2566 คาดกำไรจะยังเติบโตแข็งแกร่ง 32%YoY ปัจจัยหนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะทยอยเปิดดำเนินการในปีนี้ อีกทั้งยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานและ INTUCH ที่มีเสถียรภาพ
ข่าวเด่น