เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ยืนได้ที่ 1570 จุด เพื่อรอทดสอบ 1600 จุด"


SET สร้างฐานระยะสั้นไว้บริเวณ 1570 จุด หรือในช่วงนี้มีกรอบล่างบริเวณ 1580-1570 จุด หากไม่ต่ำกว่า คาดว่าดัชนีฟื้นตัวได้ต่อ เพื่อรอทดสอบ 1600 จุด ซึ่งหากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อ และมีแนวต้านถัดไปที่บริเวณจุดสูงเดิม 1615 จุด ประเด็นสำคัญ ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือนมี.ค.ในวันพรุ่งนี้ 

ประเด็นสำคัญ

ธปท. ระบุ 1Q66 ภาคครัวเรือนเปราะบางจากภาระหนี้สูง ธุรกิจขนาดใหญ่มีความสามารถชำระหนี้และทำกำไรลดลง ขณะที่ภาคส่งออกกำลังซื้อลดลง สินเชื่อประกันทะเบียนเริ่มเห็นหนี้เสียเพิ่ม ขณะที่สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงปานกลาง ปริมาณซื้อขาย นลท. รายย่อยลดลง

บ.วิทยุการบินคาดสงกรานต์ปีนี้เที่ยวบินเพิ่มขึ้น 66%YoY ด้าน ธปท. ระบุยอดสำรองเงินสด 2.5 หมื่นลบ.รองรับการใช้จ่ายของ ปชช.

บริษัทเอกชนไทย ทยอยเข้าไปลงทุนในซาอุฯ หลังฟื้นความสัมพันธ์ 2 ประเทศ อาทิ SCC, CPF, มิตรผล, รพ.กล้วยน้ำไท

Citigroup คาดว่า Fed จะขึ้น ด.บ. 0.25% อีก 3 ครั้งในปีนี้ ด.บ. แตะระดับ 5.50-5.75% ขณะที่ FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 63.4% ที่ Fed จะขึ้น ด.บ. 0.25% และให้น้ำหนัก 36.6% ที่จะคง ด.บ. ในการประชุม 2-3 พ.ค. นี้

IMF คาด ด.บ. มีแนวโน้มที่จะกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดเมื่อเงินเฟ้อถูกควบคุม

สื่อจีนภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเตือนภาวะฟองสบู่ในหุ้น AI ระบุทางการจีนควรจะเข้ามาสอดส่องดูแลเรื่องการเก็งกำไรที่เกิดขึ้น 

ยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก 1Q66 ซบเซา ฉุดจากยอดขายของ Apple Inc. ลดลง 40.5% นลท. กังวล ศก. อาจไม่แข็งแรงตามที่คาด

อินโดนีเซียเตรียมทำ FTA สินแร่บางชนิดที่จัดส่งให้กับสหรัฐเพื่อให้ บ. ต่างๆ ในห่วงโซ่อุปทานแบตเตอรี่ EV ใน ปท. ได้รับประโยชน์เครดิตภาษี

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET ยังมี Upside จำกัดและมีโอกาสพักตัว หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และโดยปกตินักลงทุนจะชะลอการเข้าลงทุนจากการมีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์  (ปกติเดือน เม.ย. วอลุ่มตลาดส่วนใหญ่จะลดลง MoM) อีกทั้งมุมมองที่แตกต่างระหว่างเฟดและตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจนำไปสู่ความผันผวนของตลาดในระยะถัดไป กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : มอง SET มี Upside จำกัดและมีโอกาสพักตัว หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และใกล้วันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Best of the best ภายใต้วิกฤติการเงินในสหรัฐและยุโรป ซึ่งมีพื้นฐานและฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. ทำให้คาด Downside เริ่มจำกัด จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF 

2. หุ้นที่มีสถิติให้ผลตอบแทนดีหากซื้อวันแรกหลังเปิดสงกรานต์และขายปลายเดือน เม.ย.  โดยคัดเลือกหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และมีปัจจัยบวกหนุน ได้แก่ กลุ่มพลังงาน เลือก PTT BCP ซึ่งคาดได้อานิสงส์ราคาน้ำมันฟื้นตัวและค่าการกลั่นเข้าสู่ High Season, กลุ่มค้าปลีก เลือก HMPRO หลังอุปสงค์เครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มให้ความเย็นปรับตัวดีขึ้นจากภาวะอากาศร้อนจัด และหุ้นปันผล เลือก AP KKP KTB LH ซึ่งจะขึ้น XD ในช่วงกลาง เม.ย.-ต้น พ.ค. นี้

Daily focus

KTB ปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต 15%YoY อีกทั้งมองได้ประโยชน์มากที่สุดจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และ valuation น่าสนใจ รวมทั้งมีเงินปันผลจ่าย 0.682 บาท (XD 18 เม.ย.) คิดเป็น Div. Yield 4%

AOT มองกำไร 2QFY66 จะแข็งแกร่งขึ้นจากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และจะเติบโตก้าวกระโดดใน 3QFY66 หลังกลับมาเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำในวันที่ 1 เม.ย. หลังจากมาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์สิ้นสุดลง
 
 
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 เม.ย. 2566 เวลา : 11:10:14
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 10:44 am