คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1590-1610 จุด ก่อนสหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ และรายงานประชุมเฟดในคืนนี้ รวมถึงปลายสัปดาห์นี้มีรายงานผลการดำเนินงานธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐ ขณะที่ SET วันนี้เป็นวันทำการสุดท้ายก่อนหยุดเทศกาลสงกรานต์ ทำให้มองดัชนีแกว่งในกรอบ ส่วนภาพรวม หากไม่ต่ำกว่า 1570 จุด ยังเป็นสัญญาณที่ดีต่อการปรับขึ้นได้ต่อ
ประเด็นสำคัญ
IMF คาดการณ์ GDP โลกอีก 5 ปีข้างหน้า ขยายตัว 3% ต่ำสุดในรอบ 33 ปี ส่วนปีนี้-ปีหน้าขยายตัว 2.8% และ 3% ตามลำดับ ลดลงจากคาดการณ์เมื่อ ม.ค. ที่ 2.9% และ 3.1%
ปธ. Fed สาขาชิคาโก เตือนว่า Fed จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในเรื่องการปรับขึ้น ด.บ. เชิงรุกที่มากเกินไปในการสกัดเงินเฟ้อ
คืนนี้จับตาสหรัฐรายงานดัชนี CPI มี.ค. คาดว่า CPI ทั่วไป +5.2%YoY ส่วน core CPI คาด +5.6%YoY
จีนรายงาน CPI มี.ค. +0.7%YoY ชะลอลงจาก +1% ใน ก.พ. ต่ำกว่าคาดและเป็นระดับต่ำสุดนับแต่ ก.ย. 2564 บ่งชี้อุปสงค์อ่อนแอ
ม.หอการค้าไทย รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มี.ค. เพิ่มขึ้นเดือนที่ 10 สูงสุดรอบ 37 เดือน หนุนจากภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวชัดเจน แต่ ปชช. รายได้ปานกลางถึงต่ำยังใช้จ่ายไม่มาก ศก. ไทยโตแบบ K shape
ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ เม.ย. เพิ่มขึ้น เหตุกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย นลท. เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย
BBL และ 5 แบงก์รัฐ ได้แก่ ธ.ก.ส., ธอส., ธนาคารออมสิน, เอสเอ็มอีแบงก์ และ เอ็กซิมแบงก์ ทยอยประกาศขึ้น ด.บ.
บอร์ด สปส. อนุมัติขึ้นค่าบริการเหมาจ่ายต่อหัวประกันสังคมเป็น 1,808 บาทต่อคนต่อปี จาก 1,640 บาท เริ่ม 1 พ.ค.นี้ ส่งผลบวกต่อหุ้น รพ. ที่ร่วมโคงการ อาทิ BCH CHG RJH
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังมี Upside จำกัดและมีโอกาสพักตัว หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และโดยปกตินักลงทุนจะชะลอการเข้าลงทุนจากการมีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ (ปกติเดือน เม.ย. วอลุ่มตลาดส่วนใหญ่จะลดลง MoM) อีกทั้งมุมมองที่แตกต่างระหว่างเฟดและตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจนำไปสู่ความผันผวนของตลาดในระยะถัดไป กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET มี Upside จำกัดและมีโอกาสพักตัว หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และใกล้วันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Best of the best ภายใต้วิกฤติการเงินในสหรัฐและยุโรป ซึ่งมีพื้นฐานและฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. ทำให้คาด Downside เริ่มจำกัด จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF
2. หุ้นที่มีสถิติให้ผลตอบแทนดีหากซื้อวันแรกหลังเปิดสงกรานต์และขายปลายเดือน เม.ย. โดยคัดเลือกหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และมีปัจจัยบวกหนุน ได้แก่ กลุ่มพลังงาน เลือก PTT BCP ซึ่งคาดได้อานิสงส์ราคาน้ำมันฟื้นตัวและค่าการกลั่นเข้าสู่ High Season, กลุ่มค้าปลีก เลือก HMPRO หลังอุปสงค์เครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มให้ความเย็นปรับตัวดีขึ้นจากภาวะอากาศร้อนจัด และหุ้นปันผล เลือก AP KKP KTB LH ซึ่งจะขึ้น XD ในช่วงกลาง เม.ย.-ต้น พ.ค. นี้
Daily focus
BBL 1Q66 คาดมีกำไรปกติราว 1.07 หมื่นลบ. เติบโต 50%YoY สูงที่สุดในกลุ่ม อีกทั้งมองมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และได้ประโยชน์มากที่สุดจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น มีเงินปันผลจ่าย 3 บาท (XD 21 เม.ย.) คิดเป็น Div. Yield 1.9%
MAKRO 1Q66 คาดมีกำไรปกติ 2.4 พันลบ. เติบโต 15%YoY จากยอดขายที่ดีขึ้นมากพอจะชดเชยดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น ขณะที่การรีไฟแนนซ์หนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐเสร็จจากการออกหุ้นกู้สกุลบาทในเดือน เม.ย. จะทำให้ต้นทุนทางการเงินปรับลดลง
ข่าวเด่น