ที่ประชุมผู้ถือหุ้น บมจ.คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. “K” โหวตผ่านแผนเพิ่มทุน 79.92 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิวอร์แรนต์ K-W2 จำนวน 79,922,412 หน่วย ในอัตรา 6 หุ้นสามัญต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ พร้อมไฟเขียวยกเลิกการขายหุ้นกู้ให้กับ Advance Opportunities Fund (“AO Fund”) และ Advance Opportunities Fund 1 (“AO Fund 1”) หลังศึกษาแล้วการขายหุ้นกู้แปลงสภาพมีมูลค่าสูงและใช้เวลานาน ขณะเดียวกันมติผ่านฉลุยให้โอนส่วนเกินมูลค่าหุ้น เพื่อล้างขาดทุนสะสมของบริษัทฯ ด้านผู้บริหาร เดินเกมรุกเร่งปั้นรายได้แตะระดับ 840 ล้านบาท จ่อกลับมาเทิร์นอะราวด์ตามแผนที่วางไว้
นายวงศกร พิเศษสิทธิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ. คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ (“K”) หนึ่งในผู้นำธุรกิจออกแบบและตกแต่งงานแบบครบวงจร ทั้งธุรกิจงานตกแต่งภายใน (Interiors), ธุรกิจงานแสดงสินค้าและนิทรรศกาล (Exhibitions), ธุรกิจการตลาดทางเลือก (Alternative Marketing) และธุรกิจงานพิพิธภัณฑ์และสวนสนุกแนวคิด (Museums & Thematic Park) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 อนุมัติให้บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 39,961,206.00 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 239,767,235.50 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 279,728,441.50 บาท โดยออกหุ้นสามัญ จำนวนไม่เกิน 79,922,412 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท
ทั้งนี้เพื่อรองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 (K-W2) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ โดยไม่คิดมูลค่า จำนวน ไม่เกิน 79,922,412 หน่วย ในอัตรา 6 หุ้นสามัญต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญ และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 (K-W2) จะมีอายุ 1 ปี นับแต่วันที่ออกและเสนอขาย และสามารถใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญในทุกๆ 3 เดือน ในราคาใช้สิทธิเท่ากับ 0.80 บาทต่อหุ้น ขณะเดียวกันที่ประชุมยังอนุมัติวาระการขอโอนส่วนเกินมูลค่าหุ้น เพื่อล้างขาดทุนสะสมของบริษัทฯ
นอกจากนี้ ได้อนุมัติยกเลิกการออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกใหม่ของบริษัท (“หุ้นกู้แปลงสภาพ”) มูลค่าการออกเสนอขายรวมไม่เกิน 300 ล้านบาท ที่จะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง ได้แก่ Advance Opportunities Fund (“AO Fund”) และ Advance Opportunities Fund 1 (“AO Fund 1”) เนื่องจากมองว่า การเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพดังกล่าว มีมูลค่าสูง และระยะเวลาค่อนข้างนาน ซึ่งเชื่อว่าเป็นการรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นในอนาคต
สำหรับแผนความคืบหน้าการรับงานใหม่ๆนั้น ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับงานใหม่ จากกลุ่มบริษัท มิราเคิล ซึ่งเป็นงานตกแต่งภายใน (Interiors) เลานจ์ ในสนามบินสุวรรณภูมิ ภายในโครงการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1 : SAT-1) มูลค่า 65 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 5 เดือน โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ และจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาทันทีตั้งแต่ไตรมาส 2/2566นี้ นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้รับงาน Interiors ร้านค้าขนาดกลาง ภายในศูนย์การค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยรับงาน 2 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบงาน และรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2-3/2566 นี้ ดังนั้นจะส่งผลให้บริษัทฯได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการรับรู้รายได้ในกลุ่มงาน Interiors จากช่วงไตรมาส 1/2566 ที่ไม่มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มงานดังกล่าว
ส่วนงาน Exhibition ประเภท Pop-Up Store นั้น ปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้า 2 ราย ซึ่งแบรนด์ลักซ์ชัวรี่ (Luxury) มีมูลค่างานเฉลี่ยประมาณ 50-60 ล้านบาทต่อราย โดยคาดว่าจะสามารถสรุปดีลได้ในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทฯมี Backlog อยู่กว่า 560 ล้าน ดังนั้นจึงมองว่าในช่วงระยะเวลาที่เหลือ บริษัทฯมีแนวโน้มจะได้รับงานใหม่ๆเข้ามาอีกไม่ต่ำกว่า 290 ล้านบาทอย่างแน่นอน ทำให้บริษัทฯเชื่อมั่นว่า ในปี 2566 “K”จะกลับมาเทิร์นอะราวด์ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโตแตะระดับ 840 ล้านบาท จากสัดส่วนรายได้ 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ กลุ่มงาน Interiors ประมาณ 150 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 15-20% ของรายได้รวม และกลุ่มงาน Exhibition (เอ็กซิบิชั่น) รวมถึงงาน Event (อีเว้นท์) ประมาณ 690 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 80-85% ของรายได้รวม
ข่าวเด่น