ตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ร่วมมือกับ Nasdaq เปลี่ยนระบบซื้อขายปัจจุบันเป็นระบบซื้อขายใหม่ เพื่อจัดการคำสั่งซื้อขายได้เร็วขึ้น สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต และพร้อมรองรับผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่หลากหลายในรูปแบบใหม่ๆ ทั้งตลาดทุนและตลาดอนุพันธ์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเริ่มระบบใหม่ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป
นายถิรพันธุ์ สรรพกิจ รองผู้จัดการฯ หัวหน้าสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนระบบการซื้อขายของทั้ง SET และ TFEX จะร่วมมือกับทาง Nasdaq ซึ่งเป็นผู้นำในระบบซื้อขายสำหรับตลาดทุนและตลาดอนุพันธ์ในการพัฒนาระบบซื้อขายใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดที่เป็นมาตรฐานสากล มีประสิทธิภาพสูงในการจัดการคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็วขึ้น โดยการเผยแพร่ราคา Bid/Offer จาก 5 เป็น 10 ระดับ สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต และพร้อมรองรับผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่หลากหลายในรูปแบบใหม่ๆ ทั้งตลาดทุนและตลาดอนุพันธ์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นการพัฒนาโครงสร้างที่สำคัญของตลาดทุนไทยให้สามารถเชื่อมต่อกับต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นางสาวภัทรวสี สุวรรณศร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานบริหารการปฏิบัติการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 พ.ค.นี้ มีการตั้งเป้าว่า การปรับปรุงระบบการซื้อขายใหม่จะเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถรองรับธุรกรรมที่เข้ามาได้อย่างเหมาะสมกับสภาพการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน โดยคุณสมบัติเด่นของระบบการซื้อขายใหม่นี้ได้แก่
1. มีมาตรฐานการต่อเชื่อมที่เป็นมาตรฐานสากลทั้ง ITCH/OUCH Protocol และ FIX Standard Protocol ซึ่งใช้ในตลาดทุนและตลาดอนุพันธ์ชั้นนำทั่วโลก ช่วยเพิ่มโอกาสให้เกิดการเข้าถึงโดยนักลงทุนจากตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น
2. ด้วยโครงสร้างระบบซื้อขายใหม่ที่มีความยืดหยุ่นและเป็นสากล ช่วยให้ตลาดหลักทรัพย์และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สามารถเพิ่มสินค้าได้หลากหลายตามที่มีการซื้อขายในตลาดต่างประเทศชั้นนำ โดยสามารถดำเนินการด้านระบบได้รวดเร็วขึ้น
3. เพิ่มความละเอียดในการเผยแพร่ข้อมูลระดับราคา Bid/Offer ของหลักทรัพย์ในตลาด SET และ mai จาก 5 ระดับราคา เป็น 10 ระดับราคา เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อขายได้ดียิ่งขึ้น
4. เพิ่มความละเอียด timestamp ของคำสั่งซื้อขายและเวลาที่เกิดการจับคู่ซื้อขายในระดับ nanosecond เทียบเท่าตลาดต่างประเทศชั้นนำ
5. เพิ่มฟังก์ชันอำนวยความสะดวกให้กับบริษัทสมาชิก เช่น Self-match Prevention ช่วยป้องกันการจับคู่กันเองของคำสั่งซื้อขายจากลูกค้าราย/กลุ่มเดียวกัน และ Pre-Trade Risk Management เป็นทางเลือกเพิ่มเติมในการบริหารความเสี่ยงของบริษัทสมาชิก
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ได้ปรับปรุงเกณฑ์การซื้อขายให้สอดคล้องกับฟังก์ชันการทำงานของระบบซื้อขายใหม่ เหมาะสมกับสภาพการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่เป็นสากล ได้แก่
เกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ (SET) ที่มีการปรับปรุง
1. ปรับการคำนวณราคาเปิด-ปิด
• การคำนวณยังเป็นไปตามหลักการเดิม คือระบบคำนวณด้วยวิธีจับคู่ซื้อขายในคราว เดียว (Auction)
• โดยราคาเปิด-ปิด อาจอยู่นอกกรอบ Ceiling & Floor (C&F) ได้ แต่ไม่เกิน 1 ช่วงราคา (tick)
2. ปรับ Ceiling & Floor ของหุ้น -F ให้มี Ceiling & Floor +/- 60% ของราคาอ้างอิง ในทุกวิธีการซื้อขาย (เดิมกำหนด Ceiling & Floor +/-30% ของราคาอ้างอิง สำหรับการซื้อขายรายใหญ่หุ้น -F)
3. ยกเลิกการซื้อขายหน่วยย่อย (Odd Lot) ของ DW
4. ปรับประเกทของคำสั่งซื้อขาย เช่น เพิ่มคำสั่ง Good till Cancel (GTC) และ Good till Date (GTD)
5. เพิ่มเครื่องหมายห้ามซื้อขายเป็นการชั่วคราว (P : Pause) โดยจะใช้กับหลักทรัพย์ที่ SET กำหนดให้เข้ามาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 เพื่อให้เกิดความชัดเจนแก่ผู้ลงทุน
6. ปรับการแสดง Bid/offer เป็น 10 ระดับราคา จาก 5 ระดับราคา (ขึ้นอยู่กับการแสดงหน้าจอของแต่ละ Broker ด้วย) ไม่กระทบเกณฑ์ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์กับผู้ลงทุน
เกณฑ์ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ที่มีการปรับปรุง
1. ปรับการคำนวณราคาเปิด โดยใช้หลักการเช่นเดียวกับ SET
2. ปรับประเกทของคำสั่งซื้อขาย เช่น เพิ่มคำสั่ง Session State Order
3. ปรับ Circuit Breaker รายสินค้าโดยหยุดซื้อขาย 2 นาที ให้สอดคล้องตาม Global Practice ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถปรับสถานะได้ทันต่อสถานการณ์มากขึ้น และปรับใช้เป็นแนวทางเดียวกันสำหรับสินค้ากลุ่ม Non Equity Derivatives
4. ปรับช่วงราคาซื้อขายขั้นต่ำของ Block Trade สินค้า Sector Futures เป็นทศนิยมราคา 4 ตำแหน่ง (0.0001 จุด)
ข่าวเด่น