SET ในสัปดาห์นี้ เปิดซื้อขายแค่ 2 วันทำการ ขณะที่ตลาดยังดูขาดปัจจัยหนุน และรอประชุมเฟดวันที่ 2-3 พ.ค.ทำให้คาดดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1520-1540 จุด ไปจนถึงปรับตัวลงได้ต่อ โดยเฉพาะหากต่ำกว่าจุดต่ำเดิมบริเวณ 1520 จุด จะเป็นสัญญาณลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่ 1509 จุด
ประเด็นสำคัญ
Bloomberg รายงานว่าหน่วยงานกำกับดูแล First Republic Bank จะให้ JP Morgan Chase & Co. เข้าซื้อกิจการทั้งเงินฝากและสินทรัพย์ทั้งหมด
รมว.คลังสหรัฐเรียกร้อง ปธ.สภาคองเกรสขยายเพดานหนี้ และเตือนว่า ตอนนี้รัฐบาลกลางอยู่บนความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 1 มิ.ย.
ISM รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐที่ 47.1 ใน เม.ย. จาก 46.3 ใน มี.ค.สูงกว่าคาด แต่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ภาวะหดตัวซึ่งติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6
ดัชนี PMI ภาคการผลิต เม.ย.ของจีนอยู่ที่ 49.2 ลดลงจาก 51.9 ใน มี.ค. ต่ำกว่าคาด โดยภาคการผลิตของจีนหดตัวลงเป็นครั้งแรกนับแต่ ธ.ค. 2565
สภาผู้แทนฯ สหรัฐ ลงมติเห็นชอบร่าง กม.เรียกเก็บภาษีแผงโซลาร์เซลล์จากไทย มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา ที่จีนใช้เป็นฐานการผลิตเพื่อเลี่ยงภาษี โดยร่าง ก.ม.ดังกล่าวยังต้องรอการลงมติจากวุฒิสภา
บ.วิทยุการบินฯ คาดปริมาณเที่ยวบินปีนี้กว่า 7.1 แสนเที่ยวบิน +58%YoY ใกล้เคียงช่วงก่อนโควิดระบาด ส่วนปีหน้าคาดมากกว่า 1.03 ล้านเที่ยวบิน
ผู้ประกอบการอสังหาฯ คาดยอดเปิดโครงการใหม่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลใน Q66 หดตัว 19% มูลค่าลด 40% กระทบจากการยกเลิก LTV-ดอกเบี้ยขาขึ้น
กบน.ลดราคาขายปลีกดีเซลรอบที่ 5 เหลือ 32.50 บ./ลิตร มีผล 4 พ.ค.นับตั้งแต่ ก.พ.ปรับลงรวม 2.50 บ/ลิตร คาดค่าไฟงวด พ.ค.-ส.ค.66 ปรับลงตาม
ส.อ.ท.นักวิชาการ และเอกชน แนะนำภาครัฐปรับปรุงสัญญาซื้อขายไฟกับเอกชน กังวลค่าไฟแพงกระทบต้นทุน ส่งผลต่อการลงทุนและความสามารถการแข่งขัน
ธ.พ.เตรียมแข่งขันด้าน ด.บ. เงินฝาก ปลังบางส่วนไหลออก ตปท.ที่ให้ ด.บ.สูง
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ หลังมองตลาดยังรอดูผลประกอบการ 1Q66 ของกลุ่ม Real Sector ที่กำลังทยอยประกาศในเดือน พ.ค. นี้ อีกทั้งมองนักลงทุนอยู่ระหว่างรอดูการส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยหลังจากการประชุมนโยบายการเงินของ FED (2-3 พ.ค.), ECB (4 พ.ค.) และ BoE (11 พ.ค.) โดยหาก FED มีการส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ มองตลาดจะ Risk off จากกังวลเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงมากขึ้น กลยุทธ์แนะนำให้ถือเงินสดมากขึ้น ขณะที่หาก FED มีการส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย มองตลาดรับรู้เศรษฐกิจถดถอยแต่ไม่รุนแรงเกินที่คาดไว้ กลยุทธ์แนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET อยู่ระหว่างรอดูการส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยของ FED (2-3 พ.ค.) และงบ 1Q66 ของกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Best of the best ซึ่งมีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้ว แนะนำ Let Profit Run
2. หาจังหวะซื้อสำหรับหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 1Q66 จะออกมาเติบโตดี YoY (Earnings Play) ซึ่งมองยัง outperform SET ได้ เลือก BJC ADVANC OSP ZEN
3.รอจังหวะซื้อหลังประกาศงบสำหรับหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 1Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้และมีสัญญาณฟื้นตัวใน 2Q66 เลือก KCE MINT AOT
ขณะที่มีกลุ่มหุ้นแนะนำ “ขายหรือหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน” เนื่องจากผลการดำเนินงานยังไม่สดใส และมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ NRF LPN MST SAWAD QH KTC PSH THRE TCAP MTC KEX KISS TU CBG GFPT BTG BTS BEM JASIF SAT IIG NER
Daily focus
BDMS 1Q66 คาดกำไรปกติ 3.4 พันลบ. ลดลง 1%YoY แต่เพิ่มขึ้น 9%QoQ จากรายได้บริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่แข็งแกร่งขึ้น ขณะที่พัฒนาการในตลาดต่างประเทศใหม่ๆ คาดจะช่วยสนับสนุนให้กำไรเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2566 คาดกำไรเติบโต 12%YoY สู่ 1.4 หมื่นลบ.
OR 1Q66 คาดผลการดำเนินงานจะพลิกกลับมามีกำไรและฟื้นตัวแรง QoQ โดยมีแรงหนุนจากค่าการตลาดฟื้นตัว กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางกลับมาดีขึ้น รวมทั้งยังจะรับรู้ผลขาดทุนสต็อกที่ลดลงจาก 4Q65
ข่าวเด่น