SET เมื่อวานลงทดสอบจุดต่ำเดิม และฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตาม ตลาดที่ยังขาดปัจจัยหนุน และวันนี้เป็นวันทำการสุดท้ายก่อนหยุดยาว แต่ตลาดมี Sentiment เชิงลบ จากปัญหาภาคธนาคารสหรัฐ ราคาน้ำมันที่ลงแรง (ลบต่อกลุ่มน้ำมัน) และก่อนรู้ผลประชุมเฟดช่วงดึกคืนนี้ ทำให้คาดดัชนีจะเผชิญแรงขายเพื่อลดความเสี่ยง กดดันให้โอกาสหลุดจุดต่ำเดิมได้ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1509 จุด
ประเด็นสำคัญ
FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 96.2% ที่ Fed จะขึ้น ด.บ. 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันนี้ และให้น้ำหนัก 3.8% ที่จะคง ด.บ. ที่ 4.75-5.00% นอกจากนี้คาดว่าจะคง ด.บ. ในการประชุม มิ.ย., ก.ค., ก.ย. และจะลด ด.บ. 0.25% ใน พ.ย. และ ธ.ค.
IMF เตือนภาคธนาคารสหรัฐเสี่ยงเปราะบางมากขึ้น แม้ JP Morgan ซื้อ FRB ขณะที่ราคาหุ้น ธ. ขนาดเล็กลงแรงจากความไม่ชัดเจนการช่วยเหลือของภาครัฐ
IMF คาด GDP โลกปีนี้โต 2.8% ส่วนเอเชียคาดปีนี้โต 4.6% ทางด้านไทยคาด GDP ปีนี้ที่ 3.4% ลดลงจากเดิม 3.7% ขณะที่ปีหน้าคงประมาณการ GDP ที่ 3.6%
ครม. อนุมัติงบกลางวงเงิน 10,464 ลบ. ดำเนินมาตรการลดค่าไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 และ 500 หน่วย/เดือนในช่วงเดือน พ.ค. - ส.ค. 66
สรท. รายงานยอดส่งออก 1Q66 หดตัว 4.5%YoY ส่วน 2Q66 คาดหดตัว 2-3% ก่อนจะฟื้นตัวครึ่งปีหลัง โดยปรับลดคาดการณ์ส่งออกปีนี้เหลือโต 0-1% จาก ศก.โลก-ราคาพลังงานผันผวน อากาศร้อนกระทบผลผลิตเกษตร
พาณิชย์หารือสมาคม รพ. เอกชน ยืนยันไม่ปรับขึ้นค่าบริการที่เป็นผลมาจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า
ม. หอการค้าจัดดีเบตนโยบายปฏิรูปภาษี โดยหลายพรรคการเมืองค้านเก็บภาษีหุ้น ระบุไม่เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน นอกจากนี้ยังเสนอเพิ่มเกณฑ์ยกเว้นเก็บภาษีที่ดิน ระบุไม่ได้ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ขณะที่สรรพสามิตเตรียมปรับลดเป้าเก็บรายได้ปีนี้หลังมีนโยบายลดภาษีน้ำมัน
PTT เตรียมยื่นอุทธรณ์ หลัง กกพ. สั่ง PTT จ่าย 4.3 พันลบ. เป็นค่าผิดสัญญาส่งมอบก๊าซเอราวัณไม่ครบตามแผน จากนั้นจะนำเงินไปช่วยลดค่าไฟฟ้า
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ หลังมองตลาดยังรอดูผลประกอบการ 1Q66 ของกลุ่ม Real Sector ที่กำลังทยอยประกาศในเดือน พ.ค. นี้ อีกทั้งมองนักลงทุนอยู่ระหว่างรอดูการส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยหลังจากการประชุมนโยบายการเงินของ FED (2-3 พ.ค.), ECB (4 พ.ค.) และ BoE (11 พ.ค.) โดยหาก FED มีการส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ มองตลาดจะ Risk off จากกังวลเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงมากขึ้น กลยุทธ์แนะนำให้ถือเงินสดมากขึ้น ขณะที่หาก FED มีการส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย มองตลาดรับรู้เศรษฐกิจถดถอยแต่ไม่รุนแรงเกินที่คาดไว้ กลยุทธ์แนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET อยู่ระหว่างรอดูการส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยของ FED (2-3 พ.ค.) และงบ 1Q66 ของกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Best of the best ซึ่งมีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้ว แนะนำ Let Profit Run
2. หาจังหวะซื้อสำหรับหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 1Q66 จะออกมาเติบโตดี YoY (Earning Play) ซึ่งมองยัง outperform SET ได้ เลือก BJC ADVANC OSP ZEN
3.รอจังหวะซื้อหลังประกาศงบสำหรับหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 1Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้และมีสัญญาณฟื้นตัวใน 2Q66 เลือก KCE MINT AOT
ขณะที่มีกลุ่มหุ้นแนะนำ “ขายหรือหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน” เนื่องจากผลการดำเนินงานยังไม่สดใส และมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ NRF LPN MST SAWAD QH KTC PSH THRE TCAP MTC KEX KISS TU CBG GFPT BTG BTS BEM JASIF SAT IIG NER
Daily focus
ADVANC 1Q66 คาดกำไรปกติ 6.6 พันลบ. ลดลง 2.3%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 4.5%YoY ขณะที่ 2Q66 คาดกำไรจะเติบโต QoQ จากการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB ที่ลดน้อยลง รวมถึงรายได้บริการโรมมิ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นตามธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่ฟื้นตัว
GPSC 1Q66 คาดกำไรเติบโต YoY และ QoQ จากค่าเอฟทีที่ปรับขึ้น ขณะที่ปี 2566 คาดกำไรจะฟื้นตัวเด่น YoY จากราคาขายที่สูงขึ้นและมีแรงกดดันจากต้นทุนพลังงาน (LNG และถ่านหิน) ที่ลดลง อีกทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในอินเดีย (AEPL) จะพลิกมีกำไร
ข่าวเด่น