เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "เริ่มเห็นสัญญาณที่ดี"


SET เริ่มแสดงสัญญาณกลับตัวก่อนหยุดยาว หลังลงไปใกล้ 1500 จุด และมีแรงซื้อกลับ ขณะที่กลับมาเปิดตลาดวันนี้จะได้ Sentiment บวก ของตลาดหุ้นสหรัฐ จากการคลายกังวลเศรษฐกิจถดถอย ทำให้มองวันนี้มีโอกาสฟื้นตัวได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1545 และ 1555 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวรับที่คาดยังรองรับได้อยู่ที่ 1515-1525 จุด   

ประเด็นสำคัญ

สัปดาห์ก่อน Fed ปรับขึ้น ด.บ. 0.25% และส่งสัญญาณอาจหยุดวงจรปรับขึ้น ส่วน ECB ปรับขึ้น ด.บ. 0.25% และส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้น ด.บ. ต่อเนื่อง ขณะที่สัปดาห์นี้ (11 พ.ค.) จับตาการประชุม BoE

การจ้างงานนอกภาคเกษตร เม.ย. สหรัฐเพิ่มมากกว่าคาด อัตราว่างงานลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2512 ตัวเลขค่าจ้างราย ช.ม. เฉลี่ยเพิ่มมากกว่าคาด

วุฒิสภาสหรัฐลงมติเห็นชอบร่าง กม. เรียกเก็บภาษีแผงโซลาร์เซลล์จากไทย มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา ที่จีนใช้เป็นฐานการผลิตเพื่อเลี่ยงภาษี ต้องติดตามว่า ปธน. ไบเดนจะใช้สิทธิวีโต้ร่าง กม. ดังกล่าวหรือไม่

กพท. คาดเที่ยวบินจากจีนเข้าไทยเพิ่มขึ้นเป็น 430 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จากกว่า 100 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เริ่ม 1 มิ.ย. หลังแก้ปัญหาคอขวดสนามบินสุวรรณภูมิ ด้าน ก.ท่องเที่ยว ระบุ 4M66 นทท. ต่างชาติเข้าไทยสะสมกว่า 8.6 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 3.5 แสนลบ.

สนค. ระบุข้อมูลจากสถาบันด้านสุขภาพสากล (GWI) ประเมินอุตฯ สุขภาพของโลก ปี 66-68 โตเฉลี่ย 7.5% คาดปี 68 มูลค่ากว่า 7 ล้านล้านเหรียญ

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ระบุดัชนีราคาที่ดิน 1Q66 เพิ่มขึ้น 13.1%YoY โดยทำเลปริมณฑล-ปลายรถไฟฟ้าราคาเพิ่มขึ้น ส่วน กทม.พื้นที่ชั้นในทรงตัว

กรมสรรพากรเปิดรับฟังความคิดเห็นก็บภาษีคนไทยเดินทางไป ตปท. ทางเครื่องบินครั้งละ 1,000 บาท และทางบกหรือทางน้ำครั้งละ 500 บาท

ปริมาณการใช้ไฟฟ้า 6 พ.ค. ที่ 3.4 หมื่น MW ทำสถิติใหม่ครั้งที่ 2 ของปี จากอากาศร้อนจัด-วันหยุดยาว

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง และยังรอดูผลประกอบการ 1Q66 ของกลุ่ม Real Sector ที่กำลังทยอยประกาศในเดือน พ.ค. นี้ ขณะที่ FED ส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ยมองตลาดรับรู้เศรษฐกิจถดถอยแต่ไม่รุนแรงเกินที่คาดไว้ (Soft Landing) แต่ยังมีความเสี่ยงประเด็นเพดานหนี้ รวมทั้งฐานะการเงินของธนาคารขนาดกลางและเล็กของสหรัฐฯ ดังนั้นกลยุทธ์จึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : มอง SET อยู่ระหว่างเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง และยังรอดูงบ 1Q66 ของกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Best of the best ซึ่งมีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้ว แนะนำ Let Profit Run

2. หาจังหวะซื้อสำหรับหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 1Q66 จะออกมาเติบโตดี YoY (Earnings Play) ซึ่งมองยัง outperform SET ได้ เลือก BJC ADVANC OSP ZEN

3. รอจังหวะซื้อหลังประกาศงบสำหรับหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 1Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้และมีสัญญาณฟื้นตัวใน 2Q66 เลือก KCE MINT AOT 

ขณะที่มีกลุ่มหุ้นแนะนำ “ขายหรือหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน” เนื่องจากผลการดำเนินงานยังไม่สดใส และมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ NRF LPN MST SAWAD QH KTC PSH THRE TCAP MTC KEX KISS TU CBG GFPT BTG BTS BEM JASIF SAT IIG  NER

Daily focus

MAKRO 1Q66 คาดมีกำไรปกติ 2.4 พันลบ. เติบโต 15%YoY จากยอดขายที่ดีขึ้นมากพอจะชดเชยดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น ขณะที่การรีไฟแนนซ์หนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐเสร็จจากการออกหุ้นกู้สกุลบาทเสร็จจะทำให้ต้นทุนทางการเงินปรับลดลงและกำไรดีขึ้น

AU 1Q66 คาดมีกำไรสุทธิ 35 ลบ. โตเด่น 142%YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ขณะที่วันนี้หากราคาหุ้นปรับลงมาจากขึ้น XD (รับปันผลหุ้นละ 0.15 บาท) มองเป็นโอกาสซื้อ หลังผลการดำเนินงานกลับเข้าสู่ขาขึ้น โดยปี 2566-2570 คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 26%
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 พ.ค. 2566 เวลา : 10:06:50
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 6:45 am