เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "แกว่งในกรอบ 1555-1577 จุด"


คาด SET แกว่งในกรอบ 1555-1577 จุด โดยในระยะสั้น คาดจะเริ่มมี Upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1577 จุด ส่วนกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1555 จุด ซึ่งคาดว่ายังเป็นจุดรองรับได้ ด้านภาพรวมดัชนี สัญญาณเทคนิคยังดี ทำให้คาดว่ายังปรับขึ้นได้ต่อ โดยใช้จุดติดตามบริเวณ 1533 จุด ไม่ควรต่ำกว่า  ประเด็นสำคัญ ติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐในคืนนี้

ประเด็นสำคัญ

ดัชนี CPI สหรัฐ เม.ย. +4.9%YoY ต่ำกว่าคาดที่ +5.0%YoY และชะลอตัวจาก 5.0%YoY ใน มี.ค. ขณะที่ FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 74.2% ที่ Fed จะคง ด.บ. ที่ 5.00-5.25% ในการประชุม 13-14 มิ.ย. และให้น้ำหนัก 25.8% ที่จะขึ้น ด.บ. 0.25% สู่ 5.25-5.50%

สหรัฐเตรียมประกาศยุติสถานการณ์ฉุกเฉินโรคโควิดระบาดในวันนี้ หลังอนามัยโลกประกาศสัปดาห์ที่แล้ว

EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่ม 3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นครั้งแรกรอบ 4 สัปดาห์ สวนทางที่คาดลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล

สภาทองคำโลกรายงานแนวโน้มความต้องการทองคำ 1Q66 ธนาคารกลางโลกสำรองทองคำทำสถิติสูงสุด 228 ตัน ส่วนไทยสะสมเพิ่ม 3% กว่า 4 ตัน ด้านอุปสงค์สหรัฐสูงสุดรอบ 13 ปี ที่ 32 ตัน

สมาคมธนาคารไทยเตรียมพิจารณาปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมทั้งระบบ  โดยเฉพาะการเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมใช้เงินสด คาดหวังลดต้นทุนและผลักดันสู่การลดใช้เงินสดมากขึ้น

สถาบันอาหารระบุ 1Q66 ส่งออกอาหารโต 10% หลังความต้องการในตลาดโลกเพิ่มขึ้น คาดครึ่งปีหลังยังโตต่อเนื่อง ประเมินปีนี้สร้างรายได้ทำสถิติใหม่ที่ 1.5 ล้านลบ. โดยตลาดรอง-ตลาดใหม่โดดเด่น

อุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ปีนี้ฟื้นตัวดีขึ้นมาก โดยมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เตรียมเข้าฉายดึงดูคนดูต่อเนื่อง

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าหนุนคาร์บอนเครดิต เป็นหลักประกันธุรกิจ

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง และยังรอดูผลประกอบการ 1Q66 ของกลุ่ม Real Sector ที่กำลังทยอยประกาศในเดือน พ.ค. นี้ ขณะที่ FED ส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ยมองตลาดรับรู้เศรษฐกิจถดถอยแต่ไม่รุนแรงเกินที่คาดไว้ (Soft Landing) แต่ยังมีความเสี่ยงประเด็นเพดานหนี้ รวมทั้งฐานะการเงินของธนาคารขนาดกลางและเล็กของสหรัฐฯ ดังนั้นกลยุทธ์จึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : มอง SET อยู่ระหว่างเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง และยังรอดูงบ 1Q66 ของกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Best of the best ซึ่งมีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้ว แนะนำ Let Profit Run

2. หาจังหวะซื้อสำหรับหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 1Q66 จะออกมาเติบโตดี YoY (Earnings Play) ซึ่งมองยัง outperform SET ได้ เลือก BJC ADVANC OSP ZEN

3. รอจังหวะซื้อหลังประกาศงบสำหรับหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 1Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้และมีสัญญาณฟื้นตัวใน 2Q66 เลือก KCE MINT AOT 

ขณะที่มีกลุ่มหุ้นแนะนำ “ขายหรือหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน” เนื่องจากผลการดำเนินงานยังไม่สดใส และมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ NRF LPN MST SAWAD QH KTC PSH THRE TCAP MTC KEX KISS TU CBG GFPT BTG BTS BEM JASIF SAT IIG  NER

Daily focus

BGRIM ปี 2566 คาดผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยพลิกมีกำไรสุทธิ 2.7 พันลบ. แรงหนุนจากต้นทุนก๊าซที่ลดลง และค่า Ft ที่ปรับตัวขึ้น รวมทั้งคาดโรงไฟฟ้า SPP แห่งใหม่ภายใต้โครงการโรงไฟฟ้าทดแทน (SPP replacement scheme) จะช่วยสนับสนุนได้บางส่วน

SECURE 1Q66 คาดกำไรปกติที่ 16 ลบ. ลดลง 4%QoQ ตามผลฤดูกาล แต่เติบโตเด่น 474%YoY จากรายได้ที่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากความต้องการด้าน Cybersecurity ที่ยังดี และอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัว อีกทั้งภาวะ Chip shortage กลับมาใกล้ปกติ
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 พ.ค. 2566 เวลา : 11:01:57
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 4:28 am