สัญญาณเทคนิคในระยะสั้นอ่อนแรง ทำให้คาด SET จะเคลื่อนไหวพักตัวในลักษณะแกว่งในกรอบ 1555-1577 จุด โดยในระยะสั้น มี Upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1577 จุด ส่วนกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1555 จุด หากต่ำกว่า จะเกิดสัญญาณลบระยะสั้น โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1545 จุด ด้านภาพรวมดัชนี ใช้จุดติดตามบริเวณ 1533 จุด หากไม่ต่ำกว่า ยังเป็นสัญญาณที่ดี
ประเด็นสำคัญ
สหรัฐรายงานดัชนี PPI ทั่วไป เม.ย. +2.3%YoY ต่ำกว่าคาด ส่วน PPI พื้นฐาน +3.2%YoY ต่ำสุดนับตั้งแต่ ก.พ. 2564 ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วสูงกว่าคาด
วันนี้จับตาเจรจาเพดานหนี้สหรัฐรอบ 2 ระหว่าง ปธน. สหรัฐ กับ ปธ. สภาฯ ที่ระบุว่าการเพิ่มเพดานหนี้จะต้องแลกกับรัฐบาลลดรายจ่ายลง ด้าน IMF เตือนการผิดนัดชำระหนี้สหรัฐจะส่งผลกระทบร้ายแรงมากต่อ ศก. โลก รวมถึงต้นทุนการกู้ยืมที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
BoE มีมติ 7-2 ขึ้น ด.บ. 0.25% สู่ 4.50% สูงสุดตั้งแต่ปี 2551 เป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 12 และคาด GDP ปีนี้ +0.25% จากเดิมที่คาด -0.5%
ธนาคารขนาดใหญ่อาจเผชิญกับค่าธรรมเนียม FDIC เพิ่มขึ้นหลายพันล้านเหรียญเพื่อประกันเงินของผู้ฝาก
กกพ. คาดค่าไฟปลายปีลด 23-50 สตางค์/หน่วย จับตาการผลิตก๊าซในอ่าวไทยได้ตามแผน พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ธปท. เตรียมออก 3 กฎปล่อยสินเชื่อใหม่ที่มีคุณภาพ หยุดแบงก์กระตุ้นคนก่อหนี้ ให้สินเชื่อตามความเสี่ยง กำหนดอัตราส่วนหนี้ต่อรายได้
ม.หอการค้าไทย ระบุดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เม.ย. 66 สูงสุดรอบ 38 เดือน อานิสงส์ท่องเที่ยว-เลือกตั้ง หนุนเม็ดเงินเข้าระบบ ศก. กังวลการเมืองหลังเลือกตั้งหากขาดเสถียรภาพอาจฉุด GDP โตต่ำกว่า 3%
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง และยังรอดูผลประกอบการ 1Q66 ของกลุ่ม Real Sector ที่กำลังทยอยประกาศในเดือน พ.ค. นี้ ขณะที่ FED ส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ยมองตลาดรับรู้เศรษฐกิจถดถอยแต่ไม่รุนแรงเกินที่คาดไว้ (Soft Landing) แต่ยังมีความเสี่ยงประเด็นเพดานหนี้ รวมทั้งฐานะการเงินของธนาคารขนาดกลางและเล็กของสหรัฐฯ ดังนั้นกลยุทธ์จึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET อยู่ระหว่างเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง และยังรอดูงบ 1Q66 ของกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Best of the best ซึ่งมีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้ว แนะนำ Let Profit Run
2. หาจังหวะซื้อสำหรับหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 1Q66 จะออกมาเติบโตดี YoY (Earnings Play) ซึ่งมองยัง outperform SET ได้ เลือก BJC ADVANC OSP ZEN
3. รอจังหวะซื้อหลังประกาศงบสำหรับหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 1Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้และมีสัญญาณฟื้นตัวใน 2Q66 เลือก KCE MINT AOT
ขณะที่มีกลุ่มหุ้นแนะนำ “ขายหรือหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน” เนื่องจากผลการดำเนินงานยังไม่สดใส และมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ NRF LPN MST SAWAD QH KTC PSH THRE TCAP MTC KEX KISS TU CBG GFPT BTG BTS BEM JASIF SAT IIG NER
Daily focus
CRC กำไรอยู่ในทิศทางฟื้นตัวโดดเด่น โดย 1Q66 คาดมีกำไรปกติ 1.85 พันลบ. เติบโต 68%YoY จากยอดขายปลีกและรายได้ให้เช่าที่ดีขึ้น รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น จะมากเกินพอชดเชยสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ปรับตัวสูงขึ้น
OR 1Q66 กำไรสุทธิ 2.9 พันลบ. ฟื้นตัวจากที่ขาดทุน 744 ลบ. ใน 4Q66 จากค่าการตลาดที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลงเพราะค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงและค่าใช้จ่ายการตลาดลดลง โดยบริษัทยังมีความระมัดระวังในการคุมค่าใช้จ่ายตลอดปีนี้
ข่าวเด่น