คาด SET ยังถูกกดดันจากแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงต่อความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล และการโหวตเลือกนายกฯ ในสภา โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1533 จุด ซึ่งมองเป็นจุดลุ้นการเกิดการรีบาวด์ทางเทคนิค อย่างไรก็ตาม หากต่ำกว่า จะเป็นสัญญาณลบในภาพรวม (มองว่ามีโอกาสลงไปบริเวณ 1500 จุดอีกครั้ง) ด้านการฟื้นตัวยังถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1550 และ 1565 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
สภาพัฒน์ รายงาน GDP 1Q66 ขยายตัว 2.7%YoY คาดทั้งปีโต 2.7-3.7% ได้รับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้นตัว การขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุน
กรมชลประทานระบุสิ้นสุดฤดูแล้งปี 2565/66 เตรียมรับมือฤดูฝนปี 2566 ควบคู่กับการรับมือปรากฏการณ์เอลนีโญ เน้นเก็บกักน้ำให้ได้มากสุดป้องกันปัญหาขาดแคลนน้ำในอนาคต ทางด้าน NOAA ระบุปรากฏการณ์เอลนีโญจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในไม่ช้านี้ โดยมีความเป็นไปได้ 90% ที่จะมาถึงภายในเดือน พ.ค.-ก.ค. และจะต่อเนื่องจนถึงปี 2567 เป็นอย่างน้อย
กรมควบคุมโรคระบุผู้ติดเชื้อโควิดในไทยสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นกว่า 39% เตรียมรับมือการระบาดช่วงเปิดเรียนวันแรก
วันนี้ติดตามการเจรจารอบที่ 2 ระหว่าง ปธน. สหรัฐกับ ปธ. สภาฯ เพื่อหาข้อตกลงขยายเพดานหนี้ หลังจากที่การเจรจาครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วไม่มีความคืบหน้า
ธนาคารกลางอาร์เจนตินาปรับขึ้น ด.บ. อีก 6% สู่ระดับ 97% ขณะที่รัฐบาลเตรียมแถลงมาตรการเพื่อจัดการเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้น (1 เดือน) มอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังสิ้นสุดการเลือกตั้ง ส่วนระดับการฟื้นตัวจะขึ้นอยู่กับเสถียรภาพและสูตรการจัดตั้งของรัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ดีระยะถัดไป (หลัง 1 เดือน) มอง SET มีโอกาสผันผวนไปตามสถานการณ์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ซึ่งคงต้องติดตามต่อไป โดยเฉพาะช่วงเดือน ก.ค. ซึ่งจะมีการเปิดประชุมสภาเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีไทย นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามจากประเด็นเพดานหนี้ รวมทั้งฐานะการเงินของธนาคารขนาดกลางและเล็กของสหรัฐฯ กลยุทธ์จึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : แม้ช่วงสั้น SET มีโอกาสฟื้นตัวหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งไปแล้ว แต่ยังต้องติดตามเสถียรภาพของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ซึ่งอาจกดดันให้ SET ผันผวนได้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Best of the best ซึ่งมีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้ว แนะนำ Let Profit Run
2. หุ้นที่คาดได้รับอานิสงส์จาก Fund Flow ไหลเข้า เนื่องจากรับรู้ผลการเลือกตั้ง และจากบาทแข็งค่า เลือก BBL KBANK ADVANC
3. หุ้นที่คาดหวังจะได้ประโยชน์จากนโยบายเศรษฐกิจดั้งเดิม (Old Economy) และผลการดำเนินงาน 2Q66 ยังมีแนวโน้มเติบโตดี เลือก HMPRO MAKRO MINT AP
4. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากนโยบายทางเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) เลือก ADVANC BDMS EA AH
Daily focus
AOT ปี FY2566 (ต.ค. 65-ก.ย. 66) คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวกลับมามีกำไร 1.5 หมื่น ลบ. โดยกำไรจะเร่งตัวขึ้นในระยะถัดไป ด้วยแรงหนุนจากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เติบโตเพิ่มขึ้น และการกลับมาเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ
BBL มองเป็นหุ้นพื้นฐานแกร่งและคาดได้รับอานิสงส์จาก Fund Flow ไหลเข้าหลังสิ้นสุดการเลือกตั้ง ขณะที่ 2Q66 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ (ตั้งสำรองลดลง, NII สูงขึ้น) และ YoY (NII สูงขึ้น) ส่วนทั้งปี 2566 คาดกำไรจะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ 50%YoY
ข่าวเด่น