เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
SCB EIC วิเคราะห์ "ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวแรง จากการเร่งตัวของจำนวนนักท่องเที่ยว หนุนธุรกิจโรงแรมและสายการบินฟื้นตัวตาม"



ภาพรวมภาคการท่องเที่ยวในปี 2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวชาวไทย
 
 
• นักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งตัวแตะ 30 ล้านคน จากการประกาศเปิดประเทศในทันทีของจีนตั้งแต่ต้นปี 2566 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาท่องเที่ยวในไทยเร็วขึ้น อีกทั้ง นักท่องเที่ยวชาติอื่นฟื้นตัวกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว โดยนักท่องเที่ยวหลักยังคงเป็นนักท่องเที่ยวจากอาเซียนและยุโรป อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว ค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับสูงจากต้นทุนด้านเชื้อเพลิง 
 
 
• นักท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มท่องเที่ยวในประเทศต่อเนื่องและกลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในปีนี้ จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับส่งผลให้นักท่องเที่ยวไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากที่นักท่องเที่ยวไทยเลือกออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้นเช่นเดียวกัน อีกทั้ง ในช่วงที่เหลือของปีอาจจะยังไม่มีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติมหรือมีความล่าช้า
 
ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวได้ดีขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เร่งตัวขึ้น แต่ยังต้องพึ่งพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลักอยู่
 
 
• อัตราการเข้าพักมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุหลักมาจากระยะเวลาเข้าพักของนักท่องเที่ยวต่างชาติยาวนานขึ้น รวมถึงอุปทานห้องพักยังไม่กลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดโควิด-19 โดยธุรกิจโรงแรมบางส่วนยังไม่เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบเนื่องจากต้องใช้เงินทุนค่อนข้างสูงในการดำเนินกิจการ และนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักเป็นกรุ๊ปทัวร์ชาวจีนที่ยังเดินทางเข้าไทยไม่มากนักในระยะแรก
 
 
• ราคาห้องพักเฉลี่ยเร่งตัวสูงขึ้น จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยกลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อซึ่งจะเลือกพักโรงแรม 4-5 ดาวเป็นหลัก อีกทั้ง ธุรกิจโรงแรมมีการนำเสนอโปรโมชันด้านราคาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่มากเท่ากับช่วงการเปิดประเทศในระยะแรก
 
 
• อย่างไรก็ดี แม้จะมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี แต่ธุรกิจโรงแรมยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ได้แก่ 1. ภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่มีทิศทางการเติบโตแบบชะลอตัว ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการเดินทางท่องเที่ยว 2. ต้นทุนการดำเนินการที่สูงขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เร่งตัว 3. ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถในการให้บริการและคุณภาพการให้บริการ 4. การแข่งขันที่สูงขึ้น จากโรงแรมที่เคยปิดให้บริการ, เปิดให้บริการบางส่วนในช่วงวิกฤตโควิด-19 และโรงแรมที่มีแผนเปิดในปีนี้หลังจากเลื่อนเปิดให้บริการเพราะวิกฤตโควิด-19 5. ประเด็นด้าน ESG ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจโรงแรม 

ในทิศทางเดียวกัน ธุรกิจสายการบินสัญชาติไทยในปี 2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดราว 2.6 แสนล้านบาท คิดเป็น 85% เมื่อเทียบกับปี 2562
 
 
• รายได้ขนส่งผู้โดยสารในเส้นทางบินระหว่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตมากกว่าเท่าตัว จาก Pent-up demand ของการเดินทางระหว่างประเทศหลังจากปัญหาโควิด-19 คลี่คลายลง โดย 1. นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านคน โดยเฉพาะจากฝั่งเอเชีย อย่างเช่น จีน อาเซียน เกาหลีใต้และอินเดีย 2. นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะในประเทศยอดนิยมอย่างเช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ และ 3. อัตราค่าโดยสารที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2565 ที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นและเที่ยวบินมีจำนวนจำกัด แต่มีแนวโน้มปรับลดลงจากการเพิ่มเที่ยวบินที่มากขึ้นในปี 2566
 
 
• รายได้ขนส่งผู้โดยสารเส้นทางบินในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจนมีมูลค่าใกล้เคียงกับก่อนวิกฤตโควิด-19 แล้ว โดยนักท่องเที่ยวภายในประเทศ (ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 224 ล้านคนเป็น 287 ล้านคนโดยเฉพาะจากการเข้ามาของชาวต่างชาติ ประกอบกับ อัตราค่าโดยสารยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูงภายหลังจากสายการบินเก็บค่า Fuel surcharge ในเส้นทางบินในประเทศ 
 
 
• รายได้ขนส่งสินค้ามีแนวโน้มลดลง จากอัตราค่าขนส่งสินค้าทางอากาศที่ปรับลดลงค่อนข้างมาก จากที่พุ่งขึ้นสูงในช่วงวิกฤตโควิด-19 ประกอบกับสายการบินกลับไปเน้นให้บริการขนส่งผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี สายการบินยังให้ความสำคัญกับการขนส่งสินค้าเพื่อเพิ่มความ Resilient ให้แก่ธุรกิจ 
 
 
• อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของธุรกิจการบินยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ได้แก่ 1. ภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตแบบชะลอตัวกับเศรษฐกิจไทยที่เผชิญความเสี่ยงหลายประการทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะกระทบต่อกำลังซื้อและต่อเนื่องไปยังความต้องการเดินทางท่องเที่ยว 2. ต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ยังอยู่ในระดับสูงจากราคาน้ำมันอากาศยานเฉลี่ยที่ยังสูงอยู่ราว 114 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล 3. การแข่งขันในธุรกิจสายการบิน จากการเพิ่มเที่ยวบินและเส้นทางบินใหม่มากขึ้นของทั้งสายการบินสัญชาติไทยและสายการบินต่างชาติ การขยายฝูงบินของสายการบิน รวมถึงแผนการเปิดสายการบินใหม่ ๆ หลายราย ซึ่งจะกดดันอัตราค่าโดยสารและส่งผลไปยังอัตรากำไรของธุรกิจสายการบิน 4. สถานะทางการเงินของสายการบินที่ยังค่อนข้างเปราะบางจากปัญหาช่วงโควิด-19 แม้จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากรายได้ที่ฟื้นตัว และ 5. การปฏิบัติตาม Fly net zero 2050 ซึ่งเป็นประเด็นที่สายการบินต้องเร่งให้ความสำคัญและเริ่มเตรียมความพร้อมและวางแผนปรับตัวเพื่อบรรเทาต้นทุนคาร์บอนเครดิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 
 
 
ในระยะข้างหน้า SCB EIC ประเมินว่าภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจการบินฟื้นตัวกลับไปใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด-19 ได้ในช่วงปลายปี 2567 
 
 
• จำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 จากความต้องการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่จะเร่งตัวขึ้น อีกทั้ง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวมีแนวโน้มลดลงจากต้นทุนด้านเชื้อเพลิงที่ลดลงต่อเนื่องและ Capacity ของสายการบินที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ นักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทยมีแนวโน้มเติบโตเล็กน้อย จากความต้องการท่องเที่ยวในประเทศที่มีโอกาสชะลอตัวหลังสถานการณ์ในประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ประกอบกับนักท่องเที่ยวไทยที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น
 
 
• ธุรกิจโรงแรมจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดสอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด-19 โดยอัตราการเข้าพักมีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็วกว่าราคาห้องพักเฉลี่ย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากธุรกิจโรงแรมเน้นการนำเสนอโปรโมชันแพ็กเกจห้องพักระยะยาวมากขึ้นเพื่อเพิ่มอัตราการเข้าพักให้สอดรับกับต้นทุนการดำเนินการ อย่างไรก็ดี ธุรกิจโรงแรมยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นจากโรงแรมใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและมีแผนเปิดตัวในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า
 
 
• ธุรกิจสายการบินโดยภาพรวมทั้งในเส้นทางบินภายในประเทศและระหว่างประเทศจะกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2562 แล้วในช่วงปลายปี 2567 โดยเส้นทางในประเทศจะฟื้นตัวก่อนในปี 2566-2567 ส่วนเส้นทางระหว่างประเทศจะฟื้นตัวตามมา ทั้งนี้การฟื้นตัวของรายได้สายการบินสัญชาติไทยยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การปรับลดและเพิ่ม Capacity ของสายการบิน, แผนการฟื้นฟูกิจการของหลายสายการบิน, การแข่งขันของสายการบินจากต่างประเทศ, การขยายส่วนแบ่งตลาดเส้นทางระหว่างประเทศของสายการบิน Low-cost ที่มีอัตราค่าโดยสารที่ต่ำกว่า Full service, และปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ เป็นต้น

อ่านต่อรายงานฉบับเต็มได้ที่... https://www.scbeic.com/th/detail/product/tourism_170523

 
ผู้เขียนบทวิเคราะห์ : ดร.กมลมาลย์ แจ้งล้อม (kamonmarn.jaenglom@scb.co.th) นักวิเคราะห์อาวุโส
 
 
ปุญญภพ ตันติปิฎก (punyapob.tantipidok@scb.co.th) นักวิเคราะห์ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) EIC Online: www.scbeic.com Line : @scbeic
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 พ.ค. 2566 เวลา : 16:28:10
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 4:48 am