เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "คลายกังวลหนุนรีบาวด์"


คาด SET รีบาวด์ โดยมีปัจจัยหนุนจากคลายกังวลการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันอาทิตย์นี้ ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศ สถานการณ์ดีขึ้น โดยวันนี้ติดตามการแถลงของพรรคฝ่ายร่วมรัฐบาล ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1530 จุด หากผ่านได้ เป็นบวกต่อ และมีแนวต้านถัดไปที่ 1545 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1510 และ 1500 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

การเจรจาเพดานหนี้สหรัฐคืบหน้า ปธน. ไบเดนและปธ. สภาฯ เห็นพ้องว่าจะบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ภายใน 21 พ.ค. นี้

รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล

ปธน. ตุรกีประกาศรัสเซียกับยูเครนตกลงขยายเวลาข้อตกลงเปิดทางส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำออกไปอีก 2 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติอาหารโลก

จับตาพรรคก้าวไกลแถลงใหญ่ทำ MOU วันนี้ คาดมีอีก 2 พรรคขอร่วมจัดตั้งรัฐบาลรวม 313 เสียง

สศช. คาด ศก. โลกปีนี้โต 2.7% ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ปริมาณการค้าโลกลดเหลือ 2.1% ส่วนส่งออกไทยมีโอกาสติดลบ แนะนำรัฐบาลใหม่เร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรีเพิ่มโอกาสส่งออกสินค้า

กนอ.ร่วมกับ BOI และภาคเอกชน โรดโชว์เกาหลีใต้ นำเสนอศักยภาพไทยพร้อมเป็นฐานการผลิต EV-เซมิคอนดักเตอร์-ชิป

ก.ล.ต. ออกหลักเกณฑ์กำกับดูแลผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO portal) และการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนและเหมาะสมมากขึ้น มีผลใช้บังคับ 16 พ.ค. 66

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้น (1 เดือน) มอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังสิ้นสุดการเลือกตั้ง ส่วนระดับการฟื้นตัวจะขึ้นอยู่กับเสถียรภาพและสูตรการจัดตั้งของรัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ดีระยะถัดไป (หลัง 1 เดือน) มอง SET มีโอกาสผันผวนไปตามสถานการณ์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ซึ่งคงต้องติดตามต่อไป โดยเฉพาะช่วงเดือน ก.ค. ซึ่งจะมีการเปิดประชุมสภาเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีไทย นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามจากประเด็นเพดานหนี้ รวมทั้งฐานะการเงินของธนาคารขนาดกลางและเล็กของสหรัฐฯ กลยุทธ์จึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : แม้ช่วงสั้น SET มีโอกาสฟื้นตัวหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งไปแล้ว แต่ยังต้องติดตามเสถียรภาพของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ซึ่งอาจกดดันให้ SET ผันผวนได้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Best of the best ซึ่งมีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้ว แนะนำ Let Profit Run

2. หุ้นที่คาดได้รับอานิสงส์จาก Fund Flow ไหลเข้า เนื่องจากรับรู้ผลการเลือกตั้ง และจากบาทแข็งค่า เลือก BBL KBANK ADVANC

3. หุ้นที่คาดหวังจะได้ประโยชน์จากนโยบายเศรษฐกิจดั้งเดิม (Old Economy) และผลการดำเนินงาน 2Q66 ยังมีแนวโน้มเติบโตดี เลือก HMPRO MAKRO MINT AP

4. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากนโยบายทางเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) เลือก ADVANC BDMS EA AH
 
 
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าและกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่

Daily focus

MINT 2Q66 คาดผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากโรงแรมในยุโรปจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ขณะที่ทั้งปี 2566 คาดกำไรปกติที่ 6.2 พันลบ. เติบโต 209%YoY

BDMS 2Q66 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY เนื่องจากพัฒนาการในตลาดต่างประเทศใหม่ๆ จะช่วยสนับสนุนให้กำไรเติบโตต่อเนื่อง แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ทั้งปี 2566 คาดกำไรปกติที่ 1.4 หมื่นลบ. เติบโต 12%YoY
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 พ.ค. 2566 เวลา : 10:37:03
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 4:41 am