เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "กลับลำไปต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ 1542 จุด"


 

คาด SET กลับมาฟื้นตัวทดสอบกรอบบนเดิมอีกครั้งบริเวณ 1542 จุด ด้วย Sentiment บวก การบรรลุข้อตกลงในการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐ โดยแนวโน้มราคา หากขึ้นทะลุ 1542 จุดได้ จะเป็นบวกต่อในภาพรวม ส่วนกรณีไม่ผ่าน ยังเป็นแนวโน้มเดิม คือ พักตัวในกรอบ 1530-1542 จุด และระวังการหลุดต่ำกว่า 1530 จุด จะเป็นลบ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1523 จุด

ประเด็นสำคัญ

ปธน. ไบเดนและ ปธ. สภาฯ แมคคาร์ธี บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการเพิ่มเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านเหรียญ และคาดสภาคองเกรสจะอนุมัติร่างข้อตกลงในวันพุธนี้

สหรัฐรายงานดัชนี PCE ทั่วไป เม.ย. เพิ่มขึ้น 4.4%YoY จาก 4.2%YoY ใน มี.ค. และปรับขึ้น 0.4%MoM จาก 0.1%MoM ใน มี.ค.

สนง. สถิติแห่งชาติของจีนรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรม 4M66 ลดลง 21%YoY สะท้อนความอ่อนแอของอุปสงค์จีน

สสว. รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME เม.ย. ขยายตัวต่อเนื่องเดือนที่ 4 แต่ผู้ประกอบการ SME กังวลต้นทุนเพิ่ม เสนอให้ภาครัฐแก้ปัญหาค่าไฟ-ลดอัตราภาษี

ก.คลัง ออกกฎกระทรวงไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลิตรละ 5 บาทที่จะสิ้นสุด 21 ก.ค. นี้ ส่งสัญญาณให้ รบ. ใหม่มาบริหารต่อ

ททท. คาดการณ์แนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2567 เดินทางเข้าไทย 30-35 ล้านคน เตรียมทำตลาดเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อทริปหนุนรายได้รวมจากตลาดในและต่างประเทศเพิ่ม 100% ตามเป้า 3 ล้านลบ.

กลยุทธ์การลงทุน
 
มอง  SET ยังเคลื่อนไหวผันผวนและแกว่งตัวในกรอบ โดยแม้การขยายเพดานหนี้ของสหรัฐจะได้ข้อสรุป ซึ่งเป็น Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย และการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. มองจะมีโอกาสสูงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25 bps ตามตลาดคาด แต่ประเมิน SET จะยังคงมี Upside จำกัด เนื่องจากตลาดยังคงจับตาเสถียรภาพในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของไทย สถานการณ์การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในจีน และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในยุโรป ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน 

Weekly Portfolio : แม้ช่วงสั้น SET จะได้รับ Sentiment บวกจากเพดานหนี้สหรัฐได้ข้อสรุป แต่คาด Upside ยังจำกัด เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัดจาก MOU 23 ข้อที่ 8 พรรคการเมืองร่วมลงนาม เลือก BBL KTB KBANK HMPRO GLOBAL BCH CHG SPRC STANLY AH ONEE HTC TNP

2. หุ้นที่ INVX Research มีการปรับเพิ่ม Rating และ/หรือ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย เลือก KKP BJC OSP

3. สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ซึ่งต้องการเก็งกำไรระยะสั้นในประเด็นการเจรจาเพดานหนี้สหรัฐได้ข้อสรุป แนะนำ DELTA PTTEP BCP 

ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับหุ้นที่มีความเสี่ยงหรือปัจจัยลบกดดันราคาหุ้น ดังนี้ 1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัย จากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU AU CENTEL) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH SIRI QH AP) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA KCE) 3) หุ้นที่ราคาขึ้นมาสูงกว่าโควิด-19 และเราแนะนำ Underperform เลือก AAV SAWAD MST NRF

Daily focus

BCP ปี 2566 คาดกำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้น YoY เนื่องจากผลกระทบจากขาดทุนสินค้าคงเหลือและสัญญาประกันความเสี่ยงจะลดลง อีกทั้งยังมีมุมมองบวกต่อแผนเข้าซื้อกิจการ ESSO เพื่อต่อยอดธุรกิจน้ำมันซึ่งจะทำให้สามารถขยายธุรกิจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น (แนะนำซื้อที่ราคาไม่สูงกว่า 32.00 บ.)

KBANK มองได้ผลบวกจากการลงนาม MOU ของพรรคการเมืองซึ่งมีแผนให้ SMEs กลับมาเติบโต ขณะที่ปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต 8%YoY จากสินเชื่อที่เติบโต 5% 
NIM ที่ขยายตัว 16 bps รวมถึง credit cost, non-NII และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ในระดับทรงตัว (แนะนำซื้อที่ราคาไม่สูงกว่า 133.50 บ.)
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 29 พ.ค. 2566 เวลา : 10:34:49
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 2:56 am