บล.ทิสโก้ชี้เดือน มิ.ย. หุ้นไทยเจอหลากปัจจัยลบรุมเร้า ทั้งปัจจัยภายในเรื่องความไม่ชัดเจนด้านการเมือง แนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ลดลง เงินทุนต่างชาติจ่อไหลออก ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศรอเพียบ ทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED และการดูดสภาพคล่องออกจากระบบผลพ่วงขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บล.ทิสโก้มองการเมืองไทยยังคงอึมครึมต่อไปอีก 2 เดือนจนถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ฉากทัศน์ที่มีความเป็นไปได้มากสุดในขณะนี้ คือ การโหวตให้คุณพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี คาดว่าดัชนีหุ้นไทย (SET Index) จะตอบสนองทางบวกในระยะสั้น แต่อาจไปได้ไม่ไกล เพราะตลาดจะกลับมาติดตามโฉมหน้าของคณะรัฐมนตรี (การแบ่งกระทรวงดูแล) และนโยบายของรัฐบาลใหม่ ซึ่งในประเด็นหลัง ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก และการดำเนินนโยบายเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ของพรรคก้าวไกลในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลยังเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก
สำหรับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) กลางเดือนมิถุนายนนี้ บล.ทิสโก้ยังคงคาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ย +25 bps ซึ่งแตกต่างกับตลาดที่คาดว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว อย่างไรก็ดี ตลาดขณะนี้กำลังประเมินโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของ FED กลับมาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงก่อนการประชุม FED โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 1.ตัวเลขตลาดแรงงาน (การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราค่าจ้าง) ในวันที่ 2 มิถุนายน และ 2.ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในวันที่ 13 มิถุนายน
ภายหลังจากที่ผู้นำในสภาคองเกรส และประธานาธิบดีสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ได้ทันก่อนเส้นตายในต้นเดือนมิถุนายนนี้ บล.ทิสโก้คาดว่าจะมีการออกพันธบัตรจำนวนมากในตลาดเพื่อเติมให้เงินสำรองในบัญชีเงินฝากของรัฐบาล (Treasury General Account : TGA) เพิ่มขึ้นเป็นสู่ระดับประมาณ 2% ของ GDP หรือจะคิดเป็นสภาพคล่องราว 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะถูกดึงออกจากระบบ เพราะฉะนั้นแรงขับเคลื่อนด้านสภาพคล่องในช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้กำลังจะหมดไป คาดจะกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง
ด้านกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1 แม้จะออกมาดี เพิ่มขึ้น +8% YoY และ +71% QoQ แต่ประมาณการกำไรของตลาดยังถูกหั่นลงอยู่ นอกจากนี้แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 ปกติมักจะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก และฐานกำไรในไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว (2Q22) เป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.53 แสนล้านบาท อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขณะนั้นเฉลี่ยสูงถึง 110 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล, การส่งออกขยายตัวระดับ 2 หลัก, การเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยไหลเข้าต่อเนื่อง ทำให้ บล.ทิสโก้ประเมินแนวโน้มกำไร ไตรมาส 2/2566 เบื้องต้นมีโอกาสลดลงทั้ง YoY และ QoQ
ส่วนแนวโน้ม Foreign Fund Flows ยังเป็นลบอยู่ในระยะสั้นจากความไม่แน่นอนของปัจจัยการเมืองในประเทศ และการกลับมาแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ในแง่ของข้อมูลเชิงสถิติ 10 ปีย้อนหลัง (ปี 2556 – 2565 ) บ่งชี้โอกาสที่ต่างชาติจะซื้อสุทธิในเดือนมิถุนายน มีเพียง 20% หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ โอกาสที่ต่างชาติจะขายสุทธิในเดือนมิถุนายนมีสูงถึง 80%
โดยสรุปในแง่ของกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้แนะนำ “หาจังหวะตั้งรับ” หุ้นบลูชิพขนาดใหญ่ที่มีผลกำไรเติบโตอย่างมั่นคง โดยเน้นหุ้นที่มีค่า Beta < 1 คาดจะมีโอกาสปรับขึ้นมากกว่าตลาด (Outperform) ในช่วงที่มีปัจจัยกดดันรอบด้าน แนะนำ ADVANC, AOT, BDMS, CPALL และ CPN นอกจากนี้ บล.ทิสโก้ยังแนะนำ TLI ซึ่งคาดว่าจะได้รับคัดเลือกเข้า SET50 Index สำหรับครึ่งปีหลัง เพราะฉะนั้น หุ้นเด่นของบล.ทิสโก้ในเดือนมิถุนายน คือ ADVANC, AOT, BDMS, CPALL, CPN และ TLI ด้านแนวรับสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1,510 - 1,520 และ 1,490 จุด แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,545-1,550 จุด แนวต้านต่อไปที่ 1,570- 1,575, และ 1,605 - 1,615 ตามลำดับ
ข่าวเด่น