SET ได้ Sentiment บวก การผ่านร่างก.ม.ขยายเพดานหนี้สหรัฐ และราคาน้ำมันที่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตามคาดตลาดยังรอความชัดเจนด้านนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. ทำให้มองดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1521-1545 จุด และในภาพรวมจะมีทิศทางที่ชัดขึ้น หาก breakout กรอบใดกรอบหนึ่ง
ประเด็นสำคัญ
OPEC+ เห็นชอบขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันไปจนถึงสิ้นปีหน้า ขณะที่ซาอุดีอาระเบียจะลดกำลังการผลิตลง 1 ล้านบาร์เรล/วัน ตั้งแต่ ก.ค. เหลือ 9 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นการปรับลดมากสุดในรอบหลายปี
คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน เม.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน มี.ค. แต่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8%
ก. คลัง เตรียมทบทวนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินภายในปีหน้า ประเมินรายได้ กทม. จากภาษีที่ดินมีโอกาสมากกว่า 1.5 หมื่นลบ. หลังปรับฐานคำนวณภาษีทุก 4 ปี พร้อมมีจำนวนผู้เสียภาษีมากขึ้น
พาณิชย์ ต่ออายุยกเว้นเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กทำกระป๋องบรรจุอาหาร ทั้ง tin plate และ tin free จากจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน EU เป็นครั้งที่ 4 อีก 6 เดือน ถึง พ.ย. 66 หลังสิ้นสุด 12 พ.ค. 66 เนื่องจากจะทำให้ต้นทุนผู้ผลิตเพิ่ม กระทบต่อผู้บริโภคตามไปด้วย
ธนาคารทั้งภาครัฐและเอกชนต่างทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566
Apple เตรียมขาย Vision Pro แว่น VR ปีหน้า ราคาเริ่มต้น 3,499 ดอลลาร์ (ราว 1.22 แสนบาท) โดยนำเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาใช้งาน ครอบคลุมทั้งชิปประมวลผล M2 ร่วมกับชิปใหม่
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET จะเคลื่อนไหวผันผวนและยังคงมี Upside จำกัด โดยแม้ OPEC+ จะมีมติเห็นชอบร่วมกันขยายเวลาลดการผลิตน้ำมันไปจนถึงปีหน้า และซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก 1 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ก.ค. ซึ่งจะเป็น sentiment บวกระยะสั้นต่อบรรยากาศลงทุนสำหรับกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นไทย แต่คาดตลาดจะยังจับตาความเสี่ยงเกี่ยวกับสถานการณ์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในจีน และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : แม้ช่วงสั้น SET จะได้รับ Sentiment บวกจากซาอุฯ ลดการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ใน ก.ค. และโอเปกพลัสขยายเวลาลดการผลิตน้ำมันจนถึงปีหน้า แต่คาด Upside ยังจำกัด เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัดจาก MOU 23 ข้อที่ 8 พรรคการเมืองร่วมลงนาม เลือก BBL KTB KBANK HMPRO GLOBAL BCH CHG SPRC STANLY AH ONEE HTC TNP
2. หุ้นที่ INVX Research มีการปรับเพิ่ม Rating และ/หรือ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย เลือก KKP BJC OSP
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับหุ้นที่มีความเสี่ยงหรือปัจจัยลบกดดันราคาหุ้น ดังนี้ 1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัย จากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU AU CENTEL) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH SIRI QH AP) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA KCE) และ 3) หุ้นที่ราคาขึ้นมาสูงกว่าโควิด-19 และเราแนะนำ Underperform (AAV SAWAD MST NRF)
Daily focus
ADVANC มองผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น YoY อย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดย 2Q66 คาดกำไรจะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY อีกทั้งมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น คือ การที่ TTTBB สามารถเจรจาตกลงอัตราค่าเช่าใหม่กับ JASIF ได้สำเร็จ
BDMS 2Q66 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY เนื่องจากพัฒนาการในตลาดต่างประเทศใหม่ๆ จะช่วยสนับสนุนให้กำไรเติบโตต่อเนื่อง แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ทั้งปี 2566 คาดกำไรปกติที่ 1.4 หมื่นลบ. เติบโต 12%YoY
ข่าวเด่น