แบงก์-นอนแบงก์
EXIM BANK จับมือ NEXI คุ้มครองความเสี่ยงให้ผู้ประกอบการไทย - ญี่ปุ่น ขยายการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับญี่ปุ่นและประเทศเป้าหมายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง


 
ดร.พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พร้อมด้วยนายโอบะ ยูอิจิ อุปทูตรักษาสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนา “EXIM Thailand and NEXI Collaboration: A New Chapter Begins” จัดโดย EXIM BANK ร่วมกับองค์กรรับประกันแห่งประเทศญี่ปุ่น (Nippon Export and Investment Insurance : NEXI) เพื่อสนับสนุนความรู้ โอกาส และเครื่องมือทางการเงินทั้งสินเชื่อและเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง โดยมีผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นจำนวนกว่า 100 คน เข้าร่วมงาน ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ด้านการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง โดยมี ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และนางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมเป็นวิทยากร ณ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 
 
 
ประธานกรรมการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เป็นตลาดใหม่ (New Frontiers) ที่มีศักยภาพสูงด้านการค้าและการลงทุน ด้วยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะแรงงานราคาถูก ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จำนวนผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น การขยายตัวของชุมชนเมืองและการพัฒนาอุตสาหกรรม  เสถียรภาพทางการเมือง และข้อตกลงการค้าเสรีระดับทวิภาคีและพหุภาคี ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้ประกอบการจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้หลั่งไหลเข้าไปลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศ รวมถึงใช้ประเทศเหล่านี้เป็นฐานการผลิตสินค้าและดำเนินธุรกิจบริการ รองรับการอุปโภคบริโภคภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศที่สาม อาทิ จีนและอินเดีย โดยมีผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้าไปเติมเต็มและเชื่อมโยงกับ Supply Chain การค้าโลก 
 
 
ดร.พสุ กล่าวต่อไปว่า ยุทธศาสตร์ใหม่ของ EXIM BANK คือ การมุ่งสร้างศักยภาพและผู้ประกอบการระหว่างประเทศให้เข้าไปลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ทั้ง สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ที่มีศักยภาพด้านการค้าและการลงทุน และมีข้อได้เปรียบในหลายๆ ด้าน อาทิ มีศักยภาพในการลงทุน,มีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง,มีความพร้อมด้านแรงงานที่ค่าจ้างแรงงานต่ำ,มีความพร้อมด้านทรัพยากร,มีผู้บริโภคระดับกลางที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และมีเสถียรภาพด้านการเมือง

 
“ประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดย สปป.ลาว มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ 2.3% กัมพูชา เติบโต 5% และเวียดนาม เติบโต 8% โดยกองทุนระหว่างประเทศ หรือ IMF คาดการณ์ว่าในปี 2566 นี้ สสป.ลาว และกัมพูชา จะขยายตัวสูงขึ้น สปป.ลาว จะเติบโตขึ้นเป็น 4% กัมพูชา เติบโต 5.8% แต่เวียดนาม การเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง เหลือ 5.8% ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของโลก”ดร.พสุ กล่าว

ประธานกรรมการ EXIM BANK กล่าวต่อไปว่า ผมมุ่งหวังให้ผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการญี่ปุ่นในไทยที่เข้าร่วมงานสัมมนาในวันนี้ได้ความรู้ในการไปลงทุนในประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงด้านการค้าและการลงทุน
 
 
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ก้าวใหม่ความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK และ NEXI ในโลกการค้ายุคใหม่มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือในการพัฒนาเครื่องมือทางการเงิน ทั้งบริการประกันการส่งออกและการลงทุน และการรับประกันต่อ เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศให้แก่ผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่น ขยายผลสู่การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในภูมิภาคเอเชียร่วมกัน ครอบคลุมการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค การพัฒนาทักษะและฝีมือแรงงาน ตลอดจนการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยี โดยทั้งสองหน่วยงานจะส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นมีความพร้อมที่จะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจระหว่างประเทศได้มากขึ้นอย่างมั่นใจ โดยเฉพาะในตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ ประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งมีความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมและพฤติกรรมผู้บริโภคในเอเชียที่คล้ายคลึงกัน EXIM BANK จะใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญของธนาคารในการส่งเสริมการส่งออกและการลงทุน โดยการเติมความรู้ โอกาสทางธุรกิจ และเงินทุน ตลอดจนเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ

 
จากการคาดการณ์ขององค์กรรับประกันชั้นนำของโลก โควิด-19 และสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ทำให้ธุรกิจล้มละลายเพิ่มสูงขึ้นกว่า 14% จากปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งมีอำนาจการต่อรองต่ำและเงินทุนหมุนเวียนไม่มากนัก จึงควรต้องบริหารความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า โดยกระจายตลาดส่งออกไปยังตลาดที่ยังเติบโตหรือมีกำลังซื้อสูง เช่น ตลาดใหม่ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เอเชียใต้ เป็นต้น และใช้เครื่องมือทางการเงินในการบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าว ทั้งนี้ EXIM BANK ได้ดำเนินธุรกิจให้บริการประกันการส่งออกตั้งแต่เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการในปี 2537 มีปริมาณธุรกิจรับประกันการส่งออกสะสมจำนวน 1.82 ล้านล้านบาท ยอดจ่ายค่าสินไหมทดแทนจำนวนรวมประมาณ 1,400 ล้านบาท โดย 76% เกิดจากกรณีผู้ซื้อในต่างประเทศปฏิเสธการชำระเงินค่าสินค้า รองลงมาประมาณ 23% เกิดจากผู้ซื้อล้มละลาย และอีก 1% เกิดจากผู้ซื้อปฏิเสธการรับมอบสินค้า ประเทศที่มีมูลค่ายื่นขอรับสินไหมทดแทนสูงสุด ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ สินค้าที่มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงสุด ได้แก่ ข้าว อัญมณีและเครื่องประดับ และอะลูมิเนียม 
 
 
 
 
“ความร่วมมือกับ NEXI ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งภารกิจของ EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังที่มุ่งดำเนินบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนา โดยขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ติดอาวุธให้ผู้ประกอบการไทยสามารถพัฒนาเป็นนักรบเศรษฐกิจในตลาดโลกได้มากขึ้น ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคเอเชีย ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม” ดร.รักษ์ กล่าว
 
 
 
นายจุนนิชิโระ คุโรดะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น สำนักงานกรุงเทพ หรือ JETRO กล่าวว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (รถ EV) ในปีหน้าการประกอบรถยนต์ประเภทนี้จะเริ่มขึ้นอย่างจริงจัง ซึ่งจะทำให้ Supply Chain เติบโตตามไปด้วย ฉะนั้นจึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการในการเข้าไปลงทุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับรถ EV แต่ขณะนี้ด้านค่าจ้างแรงงานของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนกระทบด้านต้นทุนของผู้ประกอบการ จึงมีการย้ายฐานการผลิตจากไทยไปยัง สปป.ลาว และกัมพูชา ที่ขณะนี้ภาครัฐของกัมพูชามีความจริงจังมากในการสนับสนุนต่างชาติเข้ามาลงทุน โดยใกล้เมืองปอยเปต ขณะนี้ญี่ปุ่นเข้าไปลงทุนแล้วถึง 9 บริษัท ขณะที่ สปป.ลาว มีจุดแข็งที่ย้ายฐานจากไทยทำได้โดยง่าย
 
 
 

LastUpdate 07/06/2566 18:01:57 โดย : Admin
11-01-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ January 11, 2025, 7:47 pm