เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ปราการถัดไปที่ 1570-1580 จุด"


SET สร้างสัญญาณบวกทางเทคนิคเมื่อวาน จากการ breakout กรอบบนบริเวณ 1540-1545 จุด และปรับขึ้นอย่างโดดเด่น ทำให้ภาพรวมมีแนวโน้มขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 1570 และ 1580 จุด ตามลำดับ ส่วนการชะลอตัวเพื่อลดความร้อนแรง มีแนวรับที่ 1540-1550 จุด ที่คาดเป็นจุดรองรับได้


ประเด็นสำคัญ

สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดและสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2564

ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 1.3%DoD หลังมีข่าวว่าสหรัฐและอิหร่านใกล้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งจะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน และส่งผลให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันในตลาดได้

ธนาคารขนาดใหญ่ของจีนหลายแห่งลด ด.บ. เงินฝากสกุลหยวนเพื่อลดแรงกดดันต่ออัตราการทำกำไรและลดต้นทุนการกู้ยืม ซึ่งช่วยให้ภาคธุรกิจการเงินและ ศก. จีนในวงกว้างมีความผ่อนคลายมากขึ้น

GDP 1Q66 ของญี่ปุ่น ขยายตัว 2.7% หลังภาคธุรกิจลงทุนเพิ่ม

ยอดขายรถยนต์ พ.ค. ของจีนปรับขึ้น 29%YoY และ 7%MoM

สอท.หารือทูตจีนเพื่อส่งเสริมความร่วมมือการค้าการลงทุน เชิญชวนจีนใช้ไทยเป็นฮับหนุน 3 อุตสาหกรรม EV-อาหาร-การแพทย์

ม. หอการค้าไทย รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ค. เพิ่มขึ้นต่อเป็นเดือนที่ 12 สูงสุดในรอบ 39 เดือน และคงประมาณการ GDP ปีนี้ที่ 3.6% โดยหากจัดตั้ง รบ. ได้ภายใน ส.ค. คาด GDP จะโตได้ 3.6-4% แต่หาก ก.ย.-ต.ค. ยังไม่สามารถจัดตั้ง รบ. ได้ GDP ปีนี้อาจโตเพียง 3%

อีซูซุ มอเตอร์ส บริษัทแม่ในญี่ปุ่นแถลงยืนยันไม่มีแผนย้ายการผลิตรถยนต์โรงงานในไทยไปอินโดนีเซีย และทางบริษัทไม่ได้มีการออกประกาศใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

กลยุทธ์การลงทุน

มอง SET จะเคลื่อนไหวผันผวนและยังคงมี Upside จำกัด โดยแม้ OPEC+ จะมีมติเห็นชอบร่วมกันขยายเวลาลดการผลิตน้ำมันไปจนถึงปีหน้า และซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก 1 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ก.ค. ซึ่งจะเป็น sentiment บวกระยะสั้นต่อบรรยากาศลงทุนสำหรับกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นไทย แต่คาดตลาดจะยังจับตาความเสี่ยงเกี่ยวกับสถานการณ์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในจีน และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” 

ล็อคเป้าลงทุน 

Weekly Portfolio : แม้ช่วงสั้น SET จะได้รับ Sentiment บวกจากซาอุฯ ลดการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ใน ก.ค. และโอเปกพลัสขยายเวลาลดการผลิตน้ำมันจนถึงปีหน้า แต่คาด Upside ยังจำกัด เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัดจาก MOU 23 ข้อที่ 8 พรรคการเมืองร่วมลงนาม เลือก BBL KTB KBANK HMPRO GLOBAL BCH CHG SPRC STANLY AH ONEE HTC TNP

2. หุ้นที่ INVX Research มีการปรับเพิ่ม Rating และ/หรือ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย เลือก KKP BJC OSP

ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับหุ้นที่มีความเสี่ยงหรือปัจจัยลบกดดันราคาหุ้น ดังนี้ 1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัย จากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU AU CENTEL) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH SIRI QH AP) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA KCE) และ 3) หุ้นที่เราแนะนำ Underperform หรือมีความเสี่ยงที่ยังต้องติดตาม (AAV SAWAD MST NRF)

Daily focus

CRC กำไรอยู่ในทิศทางฟื้นตัวโดดเด่น โดย 2Q66 คาดกำไรจะเติบโต YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายจากธุรกิจค้าปลีกและรายได้จากการให้บริการเช่าที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมาร์จิ้นที่กว้างขึ้น แต่จะอ่อนตัวลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล

SPRC ช่วงสั้นมองได้อานิสงส์บวกจากเริ่มเห็นสัญญาณการปรับขึ้นของ GRM ตั้งแต่ปลาย พ.ค. 66 อีกทั้งบริษัทยังมีสัดส่วนของน้ำมันเบนซินสูงซึ่งมีส่วนต่างกำไรดีสุดในทุกผลิตภัณฑ์ ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นคาดจะทำให้ความกังวลเรื่องขาดทุนสต็อกน้ำมันลดลง
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 มิ.ย. 2566 เวลา : 11:01:40
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 10:30 pm