ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำเมื่อวานนี้ดีดตัวกลับขึ้นมาเหนือระดับ 1,960 เหรียญอีกครั้ง ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาอ่อนแอกว่าตลาดคาดการณ์ ได้แก่ จำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงาน (Unemployment Claims) ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการจ้างงานของสหรัฐฯ อ่อนแอลง ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (Non-Farm Employment Change) ที่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ออกมาเพิ่มขึ้นกว่าตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้ตลาดเริ่มมีความคิดเห็นแตกเป็น 2 ฝ่ายตามตัวเลขเศรษฐกิจที่เปิดเผยออกมา โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 70.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และให้น้ำหนักเพียง 29.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ด้านดัชนีดอลลาร์เมื่อวานนี้ปรับอ่อนค่าหลุดระดับ 104 จุดลงมา โดยลงไปทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 103.29 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 103.31 จุด ส่งผลให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นหลังอ่อนค่าลงไปทดสอบที่บริเวณ 34.90 บาทต่อดอลลาร์ในเมื่อวานนี้ ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.62 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งความผันผวนของค่าเงินบาททำให้ราคาทองไทย เคลื่อนตัวในกรอบ Sideways บริเวณ 32,000 - 32,250 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทองไทยแกว่งตัวตามความผันผวนของราคาทองโลก และอัตราแลกเปลี่ยน โดยคาดว่าราคาทองไทยและราคาทองโลกจะแกว่งตัวในกรอบเดิมเพื่อรอการประชุมเฟดและผลการประชุมในสัปดาห์หน้า
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ในเชิงเทคนิคราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบใกล้เคียงเดิม โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบแนวรับระยะสั้นที่ 1,940 เหรียญ และแนวต้านที่ 1,985 เหรียญ กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ Wait & See และจับตาดูตัวเลข CPI เพื่อหาข้อมูลบ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐฯ วันที่ 13 มิ.ย.
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,950 เหรียญ และแนวต้าน 1,995 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,955 เหรียญ และแนวต้าน 2,000 เหรียญ สำหรับราคาทองคำไทยมีแนวรับที่ 31,900 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 32,300 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series M23 จะมีแนวรับที่ระดับ 32,200 บาท และแนวต้านที่ระดับ 32,500 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่างกันประมาณ 10 - 15 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำลงทุนในกรอบตามทิศทางการเคลื่อนตัวของราคาในลักษณะ Sideways ระวังความผันผวนของราคา และติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
เก็งกำไรในกรอบตามการแกว่งตัวของราคาระหว่างวัน เข้าซื้อตามแนวรับ และปิดทำกำไรตามแนวต้าน หรือใช้กลยุทธ์ Wait & See เพื่อรอดูความชัดเจนหลังการประชุมเฟด ในวันที่ 13 -14 มิ.ย. นี้
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ ระวังความผันผวนของราคา
ข่าวเด่น