เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "แกว่งในกรอบ รอผลประชุมเฟด"


คาด SET แกว่งในกรอบ 1550-1570 จุด โดยแม้เงินเฟ้อสหรัฐในพ.ค.ชะลอต่อเนื่อง และคาดเฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่านักลงทุนในตลาด รอดูสัญญาณสำหรับทิศทางดอกเบี้ยเฟดในช่วงที่เหลือของปี ด้านภาพรวม หากดัชนีไม่ต่ำกว่า 1540 ยังเป็นสัญญาณที่ดีต่อการปรับขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปจาก 1570 จุด อยู่ที่ 1580 จุด 


ประเด็นสำคัญ

อัตราเงินเฟ้อทั่วไป พ.ค. ของสหรัฐ +4%YoY ต่ำสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 2564 และลดลงจาก เม.ย. ที่ +4.9%YoY ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน พ.ค. +5.3%YoY ลดลงจาก เม.ย. ที่ +5.5%YoY ด้าน FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 96.4% ที่ Fed จะคง ด.บ. 5.00-5.25% ในการประชุมวันนี้

ธนาคารกลางจีนลด ดบ. RRR ระยะ 7 วัน ลง 0.10% สู่ระดับ 1.9% นอกจากนี้ยังลด ดบ. สินเชื่อโครงการเงินกู้ระยะสั้น (SLF) แบบข้ามคืน, 7 วัน และ 1 เดือน ลง 0.10% สู่ระดับ 2.75%, 2.90% และ 3.25% ตามลำดับ เพื่อกระตุ้น ศก.และเพิ่มสภาพคล่องให้สถาบันการเงิน ขณะที่รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาออกมาตรการกระตุ้น ศก.เป็นวงกว้าง โดยคาดจะเน้นพลิกฟื้นภาคอสังหาริมทรัพย์และกระตุ้นอุปสงค์ใน ปท.

ม.หอการค้าไทยกังวล EU เก็บภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM) กระทบสินค้า 6 ประเภท คาดต้นทุนธุรกิจเพิ่ม 4.5 แสนล้านเหรียญ แนะนำผู้ประกอบการเร่งปรับตัวรับมาตรการกีดกันการค้า

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ระบุตลาดที่อยู่อาศัยมือสองใน 1Q66 ทรงตัว QoQ จำนวนหน่วยประกาศขายสูงกว่า 1.6 แสนหน่วย มูลค่ากว่า 9 แสนลบ. ผลจาก ศก. ซบเซาและ รอ รบ. ใหม่ออกมาตรการกระตุ้น

รักษาการนายกฯ สั่ง ก. คลัง พิจารณาต่ออายุลดภาษีดีเซลที่จะหมดอายุ 20 ก.ค. นอกจากนี้ ครม. รักษาการ ยังรับทราบตามที่ ก.คลังเสนอให้สามารถนำเอทานอลไปผลิตอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ นอกเหนือการเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพและการผลิตสุรา

กลยุทธ์การลงทุน

มอง  SET จะผันผวนในกรอบ และมี Upside จำกัด หลังขาดปัจจัยสนับสนุน โดยมองการประชุมนโบบายการเงินของเฟดจะมีมติคงดอกเบี้ยตามตลาดคาด แต่ต้องจับตาหากเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ค.และเงินเฟ้อ พ.ค. ของสหรัฐออกมาสูงกว่าตลาดคาด จะเป็น sentiment ลบระยะสั้นต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทย ควบคู่ไปกับ ความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนและสถานการณ์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ของไทยที่ล่าช้า จะยังคงเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนต่อเนื่อง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน 

Weekly Portfolio : มอง SET ผันผวนในกรอบและมี Upside จำกัด เนื่องจากตลาดอยู่ระหว่างจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดและเงินเฟ้อ พ.ค. ของสหรัฐ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดีทั้ง YoY และ QoQ เลือก AOT BBL ADVANC MINT OSP และหุ้นที่คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เลือก KCE ONEE

2. หุ้นเชิงรับหากเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ก.ค. และเงินเฟ้อสหรัฐออกมาสูงกว่าตลาดคาด เลือก BDMS BEM

3. นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ซึ่งต้องการเก็งกำไรระยะสั้น หากเฟดส่งสัญญาณไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย ก.ค. และเงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำกว่าตลาดคาด เลือก DELTA PTTEP BCP

ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับหุ้นที่มีความเสี่ยงหรือปัจจัยลบกดดันราคาหุ้น ดังนี้ 1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัย จากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU AU CENTEL) และกลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH SIRI QH AP) และ 3) หุ้นที่เราแนะนำ Underperform หรือมีความเสี่ยงที่ยังต้องติดตาม (AAV SAWAD MST NRF)

Daily focus

IVL ช่วงสั้นคาดราคาหุ้นจะได้รับ Sentiment บวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และปกติไตรมาสสองจะเป็นช่วง High Season ของกลุ่มเครื่องดื่มซึ่งหนุนอุปสงค์บรรจุภัณฑ์ ขณะที่ valuation ยังอยู่ในระดับต่ำที่ -2SD PBV

CRC กำไรอยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดย 2Q66 คาดกำไรจะเติบโต YoY จากยอดขายจากธุรกิจค้าปลีกและรายได้จากการให้บริการเช่าที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมาร์จิ้นที่กว้างขึ้น แต่จะอ่อนตัวลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 มิ.ย. 2566 เวลา : 10:24:52
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 9:32 pm