ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลดลง หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 4.5% เป็น 5% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดนับตั้งแต่ปี 51 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ ก.พ. 66 เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวและกระทบกับความต้องการใช้น้ำมัน
ราคายังได้รับแรงกดดัน หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯส่วนใหญ่คิดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เผยตัวเลขน้ำมันดิบ คงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 16 มิ.ย. 66 ปรับตัวลดลง 3.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 463.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่ม 0.3 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ปรับลดลงของอินเดีย เนื่องจากโรงกลั่นปิดซ่อมบำรุง
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในยุโรปที่ยังอยู่ในระดับสูงในช่วงฤดูร้อน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากสต็อกน้ำมันดีเซลของท่าเรือฟูไจราห์ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 19 มิ.ย. 66 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์
ข่าวเด่น