เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ปรับลงได้ต่อ ปัจจัยลบรุมเร้า"


คาด SET ปรับตัวลงได้ต่อ จากปัจจัยลบรุมเร้า ทั้งปัจจัยในประเทศ กังวลความไม่แน่นอนด้านการเมือง และปัจจัยต่างประเทศ จากตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่ง หนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ย ดอลลาร์แข็ง กดดันบาทอ่อน เป็นลบต่อ fund flow ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1479 จุด หากต่ำกว่าเป็นสัญญาณลบในภาพรวม และมีแนวรับถัดไปที่ 1465 จุด ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1500-1520 จุด

ประเด็นสำคัญ

สหรัฐรายงานการจ้างงานภาคเอกชน มิ.ย. เพิ่มมากกว่าคาดและสูงสุดตั้งแต่ ก.ค. 2565 ขณะที่ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานฯ สัปดาห์ที่แล้วเพิ่มสูงกว่าคาด ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการ มิ.ย. โดย ISM สูงกว่าคาด

Govt Bond Yield สหรัฐอายุ 2 ปี ขึ้นทะลุ 5% สูงสุดรอบ 16 ปี ส่วนอายุ 10 ปี ขึ้นทะลุ 4% ท่ามกลางความกังวล Fed เดินหน้าขึ้น ดบ. 5.25-5.50% ในการประชุม 25-26 ก.ค. และให้น้ำหนัก 3.9% ที่จะคง ดบ.

รมว.คลังสหรัฐ เดินทางถึงจีนวานนี้ ใช้เวลา 4 วันหารือประเด็นด้านการค้าการลงทุน ผ่อนคลายความตึงเครียดของสหรัฐ-จีน ขณะที่ Reuters รายงานโดยอ้าง สนข. ซินหัวระบุ ปธน. สีจิ้นผิง เรียกร้องกองทัพยกระดับการทำสงครามเพื่อเพิ่มโอกาสมีชัยชนะในการต่อสู้จริง

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว คาดหวังจัดตั้ง รบ. และการท่องเที่ยวฟื้น ขณะที่ความไม่แน่นอนจัดตั้งรบ. และความขัดแย้งระหว่าง ปท. เป็นปัจจัยฉุด
กพ. พิจารณา 3 ทางเลือกค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค. 2566 คือ ลดมากกว่า 20 ส.ต.-ลดไม่เกิน 20 ส.ต.-ตรึงราคาไว้ที่ 4.70 บ. โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ 7-21 ก.ค.นี้

บอร์ด EV คาด รบ. ใหม่เห็นชอบมาตรการหนุน EV 3.5 เริ่มใช้ 1 ม.ค.67 เช่น ให้ส่วนลดราคา EV นำเข้า กำหนดให้ค่ายรถตั้ง รง. ผลิต EV ในไทย 2-3 เท่า จากจำนวนที่นำเข้า และสิทธิประโยชน์ตั้ง รง. ผลิต EV

กลยุทธ์การลงทุน

แม้ SET มีโอกาสฟื้นตัว แต่จะมี Upside จำกัด เนื่องจากมีความเสี่ยงต้องจับตาทั้งจากสถานการณ์การเมืองไทยหลังเตรียมเปิดประชุมผู้แทนราษฎรนัดแรก (4 ก.ค.), การไหลออกของ Fund Flow จากตลาดการเงินทำให้เงินบาทอ่อนค่าซึ่งอาจกระทบต่อการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ อีกทั้งภาพตลาดโลกยังกังวลธนาคารกลางหลายแห่งยังส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องซึ่งจะกดดันเศรษฐกิจโลกถดถอย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน 

Weekly Portfolio : มองความเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศยังกดดันการลงทุนทำให้ SET มี Upside จำกัด  กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY เลือก AOT BBL ADVANC MINT OSP BDMS BEM

2. หุ้นพื้นฐานดีซึ่งคาดยังมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2023 มากกว่าปีละ 5% เลือก TISCO LH AP
3. หุ้นสู้วิกฤติ ซึ่งคาดราคาจะทยอยฟื้นตัวได้ดีใน 1 เดือน หลังปรับตัวลงมาแรงเนื่องจากสิ้นสุดการเลือกตั้งไทยเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 66 เลือก BH BTS CHG CPALL

4. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่า เลือก AH NYT ERW

ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ และ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญ ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

Daily focus

LH 2Q66 คาดกำไรฟื้นตัว QoQ และ 2H66 จะเริ่มมี Presales ฟื้นตัวจากแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ที่ตั้งเป้า 3.5 หมื่นลบ. (+8% YoY) ซึ่งกว่า 80% จะเปิดใน 2H66 อีกทั้งมี Upside Risk จากแผนขายสินทรัพย์ 2 ชิ้นในกลุ่มโรงแรมให้กับ LHHOTEL ช่วง 4Q66 

HTC มองทิศทางผลการดำเนินงานในส่วนที่เหลือของปีนี้สดใส โดย 2Q66 คาดกำไรเติบโต YoY แต่อาจทรงตัว QoQ ส่วนปี 66 คาดจะสร้างสถิติกำไรสูงสุดที่ 629 ลบ. (+45%YoY) จากออกสินค้าใหม่ การกระจายสินค้าไปในพื้นที่ท่องเที่ยวมากขึ้น และบริหารต้นทุนดีขึ้น
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 07 ก.ค. 2566 เวลา : 10:47:45
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 3:46 pm