ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 15 เหรียญ ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ ที่ออกมาทรงตัว และเริ่มอ่อนแอลงเล็กน้อย ได้แก่ Non-Farm Employment Change ออกมาน้อยกว่าตลาดคาดการณ์ ขณะที่ Unemployment Rate ออกมาเท่ากับตลาดคาดการณ์ และ Average Hourly Earnings m/m ออกมาสูงกว่าตลาดคาดการณ์ โดยภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มบ่งชี้ถึงภาคการจ้างงานสหรัฐฯอ่อนแอลง แม้ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่ออกมาก่อนหน้านี้จะค่อนข้างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าหลุดระดับ 103 จุด มาอยู่ที่ระดับ 102.27 จุด ขณะที่เช้านี้ดัชนีดอลลาร์อยู่ที่ระดับ 102.32 จุด ทำให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้น สำหรับกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวันศุกร์ขายออก 2.6 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 915.26 ตัน ด้านภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอลงเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับเป็นการชะลอตัว ส่งผลให้ยังคงคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนนี้ สำหรับการเยือนจีนของนาง เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คาดว่ามีจุดประสงค์ 2 เรื่อง ได้แก่ การชักชวนให้จีนเข้าซื้อพันธบัตร 1 ล้านล้านเหรียญที่สหรัฐฯกำลังจะออก และการสร้างสัมพันธ์เพื่อให้จีนชะลอการขายพันธบัตรสหรัฐฯ
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ในทางเทคนิคราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบลักษณะ Sideways สำหรับวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวต้านระยะสั้นที่ 1,935 เหรียญ และแนวรับที่ 1,900 เหรียญ โดยยังคงคาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบใกล้เคียงเดิม เพื่อรอความชัดเจนหลังการประชุมเฟด วันที่ 26-27 ก.ค. นี้
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,930 เหรียญ และแนวต้าน 1,965 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,905 เหรียญ และแนวต้าน 1,940 เหรียญ สำหรับราคาทองคำไทยมีแนวรับที่ 31,700 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 32,200 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series Q23 จะมีแนวรับที่ระดับ 32,050 บาท และแนวต้านที่ระดับ 32,350 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่างกันประมาณ 5 - 30 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำลงทุนในกรอบตามทิศทางการเคลื่อนตัวของราคาในลักษณะ Sideways ลงซื้อขึ้นขาย ติดตามการแกว่งตัวของราคาระหว่างวัน
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
เก็งกำไรในกรอบ เข้าซื้อตามแนวรับ และปิดทำกำไรเมื่อราคาดีดกลับ เน้นการควบคุมความเสี่ยง และควรมี Stop Loss หากราคาหลุดแนวรับสำคัญ
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ ติดตามการแกว่งตัวของราคาระหว่างวัน
ข่าวเด่น