กระบวนการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ต่อผู้ลงทุนทั่วไปตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) กำหนดให้บริษัทที่เสนอขายหลักทรัพย์มีหน้าที่ในการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยหลักการสำคัญคือ ต้องเปิดเผยที่ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่เป็นเท็จ และไม่ปกปิดข้อมูลอันเป็นสาระสำคัญ ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลแก่ผู้ลงทุนของบริษัทสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ช่วง คือ
1) การเปิดเผยข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน เพื่อให้ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหลักทรัพย์ โดยบริษัทที่ออกหลักทรัพย์มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยบริษัทจะสามารถเสนอขายหลักทรัพย์ได้ต่อเมื่อแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว (มาตรา 65) โดยแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนจะมีข้อมูลสำคัญ เช่น วัตถุประสงค์การเสนอขาย ลักษณะการประกอบธุรกิจ ฐานะทางการเงิน ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เป็นต้น
2) การเปิดเผยข้อมูลภายหลังจากการเสนอขายหลักทรัพย์ บริษัทก็ยังคงมีหน้าที่การเปิดเผยข้อมูลอย่างต่อเนื่องให้กับผู้ลงทุน (มาตรา 56) เช่น งบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงิน หรือ รายงานประจำปี เพื่อให้ผู้ลงทุนทราบรายละเอียดข้อมูลความคืบหน้าเกี่ยวกับหลักทรัพย์ที่ลงทุนประกอบการตัดสินใจลงทุน
การเปิดเผยข้อมูลของบริษัททั้ง 2 ช่วง บริษัทจะต้องระมัดระวังเกี่ยวกับข้อมูลที่เปิดเผย เนื่องจากหากปรากฎข้อเท็จจริงว่าข้อมูลที่มีการเปิดเผยเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงที่ควรต้องแจ้งในสาระสำคัญ บริษัทอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นโทษทางอาญา ที่มีทั้งโทษจำคุกและโทษปรับ โดยหากเป็นกรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลก่อนการออกเสนอขายเป็นเท็จ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่าของราคาขายของหลักทรัพย์ทั้งหมดที่ได้เสนอขาย แต่ต้องไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท (มาตรา 278) แต่หากเปิดเผยข้อมูลภายหลังการเสนอขายเป็นเท็จ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 281/10)
ในกรณีที่บริษัทมีการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรต้องแจ้งในสาระสำคัญนั้น นอกจาก ก.ล.ต. จะมีการดำเนินการในความผิดข้างต้นแล้ว ผู้ลงทุนเองก็มีสิทธิที่จะสามารถฟ้องร้องกับผู้กระทำความผิดเพื่อเรียกค่าเสียหายจากความผิดที่เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ได้เช่นกัน ดังนี้
· กรณีเปิดเผยข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวนเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง
ในกรณีที่แบบแสดงรายการหรือหนังสือชี้ชวนมีข้อความเป็นเท็จ หรือขาดข้อความที่ควรต้องแจ้งในสาระสำคัญจนเป็นเหตุให้ผู้ลงทุนเสียหาย ผู้ลงทุนที่เป็นเจ้าของหลักทรัพย์มีสิทธิที่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทได้หากความเสียหายนั้นเกิดจากการเปิดเผยข้อมูลไม่ถูกต้อง (มาตรา 82) ซึ่งค่าเสียหายที่ผู้ลงทุนสามารถฟ้องร้องได้ในกรณีนี้ จะเท่ากับจำนวนส่วนต่างของจำนวนเงินที่ผู้ลงทุนได้จ่ายไปสำหรับการได้มาซึ่งหลักทรัพย์นั้น กับราคาที่ควรจะเป็นหากมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ ต้องไม่ต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้ของหลักทรัพย์นั้น บวกด้วยดอกเบี้ยของจำนวนส่วนต่างสำหรับระยะเวลาที่ถือหลักทรัพย์นั้นด้วย (มาตรา 85)
ไม่เพียงแต่บริษัทเท่านั้นที่ต้องรับผิด แต่กฎหมายยังกำหนดให้บุคคลที่ร่วมลงลายมือชื่อรับรองข้อมูลไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวนต้องร่วมรับผิดกับบริษัทด้วย ได้แก่ กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทที่ลงลายมือชื่อไว้ในแบบแสดงรายการและหนังสือชี้ชวน รวมไปถึงผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงิน หรือผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน ที่จงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงและลงลายมือชื่อรับรองข้อมูลในแบบแสดงรายการและหนังสือชี้ชวนด้วย ยกเว้นแต่บุคคลเหล่านั้นจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิดดังกล่าว (มาตรา 83)
อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนจะต้องดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายภายใน 1 ปี นับจากวันที่ได้รู้หรือควรจะได้รู้ว่าแบบแสดงรายการและหนังสือชี้ชวนมีข้อความหรือรายการที่เป็นเท็จหรือขาดข้อความที่ควรต้องแจ้ง แต่ต้องไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่แบบแสดงรายการและหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ (มาตรา 86)
· กรณีข้อมูลที่เปิดเผยหลังการเสนอขายหลักทรัพย์เป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง
ในการเปิดเผยข้อมูลภายหลังจากการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ หากพบว่าข้อมูลงบการเงิน รายงานเกี่ยวกับฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงาน หรือรายงานประจำปี มีข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงในสาระสำคัญจนเกิดความเสียหาย ผู้ลงทุนสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทได้เช่นกัน (มาตรา 89/20) ในกรณีนี้ กรรมการและผู้บริหารของบริษัทจะต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ลงทุนที่ได้รับความเสียหายจากการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทด้วย ยกเว้นแต่กรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวจะพิสูจน์ได้ว่าโดยตำแหน่งหน้าที่ของตน ไม่อาจรู้ถึงความถูกต้องของข้อมูลหรือการขาดข้อมูลที่ต้องเปิดเผยนั้นได้ โดยผู้ลงทุนต้องดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ผู้ลงทุนรู้ถึงการเปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จหรือการปกปิดข้อมูลที่ควรเปิดเผยนั้น หรือไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่ได้มีการกระทำนั้น
นอกจากผู้ลงทุนจะสามารถดำเนินการตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ได้แล้ว ผู้ลงทุนก็ยังสามารถดำเนินการใช้สิทธิตามกฎหมายอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น การดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (มาตรา 94) เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นที่เกิดจากการเปิดข้อมูลที่เป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงในสาระสำคัญ นอกจากการดำเนินการโดย ก.ล.ต. แล้ว ผู้ลงทุนเองก็สามารถดำเนินการทางกฎหมายควบคู่กันไปเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทที่ออกและเสนอขายหลักทรัพย์และบุคคลอื่น ๆ ที่ต้องร่วมรับผิดด้วยได้ ดังนั้น หากได้รับความเสียหายจากเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูล ผู้ลงทุนจึงควรดำเนินการใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทและบุคคลที่เกี่ยวข้องในช่วงอายุความที่กฎหมายกำหนด
หมายเหตุ :
พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
มาตรา 56
ให้บริษัทที่ออกหลักทรัพย์ตามมาตรา 32 หรือมาตรา 33 จัดทำและส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานของบริษัทต่อสำนักงานดังต่อไปนี้
(1) งบการเงินรายไตรมาสที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้ว
(2) งบการเงินประจำงวดการบัญชีที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบและแสดงความเห็นแล้ว
(3) รายงานประจำปี
(4) รายงานการเปิดเผยข้อมูลอื่นใดเกี่ยวกับบริษัท ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด
งบการเงินและรายงานตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด การกำหนดดังกล่าวให้คำนึงถึงมาตรฐานที่คณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพสอบบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชีได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้วด้วย
คณะกรรมการกำกับตลาดทุนอาจออกประกาศเพื่อผ่อนผันหรือยกเว้นหน้าที่การจัดทำหรือส่งข้อมูลตามวรรคหนึ่ง โดยคำนึงถึง ความจำเป็นเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้ลงทุนก็ได้
มาตรา 65
การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน หรือบุคคลใด ๆ จะกระทำได้ต่อเมื่อผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด บริษัท หรือเจ้าของหลักทรัพย์ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนดังกล่าว มีผลใช้บังคับแล้ว
มาตรา 82
ในกรณีที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนมีข้อความหรือรายการที่เป็นเท็จ หรือขาดข้อความที่ควรต้องแจ้งในสาระสำคัญให้บุคคลใด ๆ ที่ซื้อหลักทรัพย์จากผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด บริษัท หรือเจ้าของหลักทรัพย์ และยังเป็นเจ้าของหลักทรัพย์อยู่และได้รับความเสียหายจากการนั้น มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ดังกล่าวได้
บุคคลผู้ซื้อหลักทรัพย์ที่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายตามวรรคหนึ่ง ต้องเป็นผู้ซื้อหลักทรัพย์ก่อนที่จะปรากฏข้อเท็จจริงตามวรรคหนึ่ง แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ
มาตรา 83
ให้บุคคลดังต่อไปนี้รับผิดตามมาตรา 82 ร่วมกับบริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็น หรือโดยตำแหน่งหน้าที่ตนไม่อาจล่วงรู้ถึงความแท้จริงของข้อมูล หรือการขาดข้อความที่ควรต้องแจ้งนั้น
(1) กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท ซึ่งลงลายมือชื่อไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวน
(2) ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งลงลายมือชื่อไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวน
(3) ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงิน หรือผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน ซึ่งจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ลงลายมือชื่อรับรองข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวน
มาตรา 85
ความรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามมาตรา 82 ให้มีผลเป็นจำนวนเท่ากับส่วนต่างของจำนวนเงินที่ผู้ใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้จ่ายไปสำหรับการได้มาซึ่งหลักทรัพย์นั้นกับราคาที่ควรจะเป็น หากมีการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องตามที่สำนักงานกำหนด ซึ่งต้องไม่ต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้ของ
หลักทรัพย์นั้น บวกด้วยดอกเบี้ยของจำนวนส่วนต่างดังกล่าวสำหรับระยะเวลาที่ถือหลักทรัพย์ตามอัตราดอกเบี้ยสูงสุดโดยเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์อย่างน้อยสี่แห่งตามที่สำนักงานกำหนดพึงจ่ายสำหรับเงินฝากประเภทจ่ายคืนเมื่อสิ้นระยะเวลาตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป
มาตรา 86
สิทธิเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายตามมาตรา 82 ให้มีอายุความหนึ่งปีนับจากวันที่ได้รู้ หรือควรจะได้รู้ว่าแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนมีข้อความหรือรายการที่เป็นเท็จ หรือขาดข้อความที่ควรต้องแจ้ง แต่ไม่เกินสองปีนับจากวันที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ
มาตรา 89/20
กรรมการและผู้บริหารต้องร่วมกันรับผิดต่อบุคคลที่ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทในความเสียหายใด ๆ อันเกิดขึ้นเนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ถือหุ้นหรือประชาชนทั่วไป โดยแสดงข้อความที่เป็นเท็จในสาระสำคัญหรือปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้แจ้งในสาระสำคัญในกรณีดังต่อไปนี้ เว้นแต่กรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวจะพิสูจน์ได้ว่าโดยตำแหน่งหน้าที่ตนไม่อาจล่วงรู้ถึงความแท้จริงของข้อมูลหรือการขาดข้อมูลที่ควรต้องแจ้งนั้น
(1) การให้ข้อมูลประกอบการขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น
(2) งบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทหรือรายงานอื่นใดที่ต้องเปิดเผยตามมาตรา 56 มาตรา 57 มาตรา 58 หรือมาตรา 199
(3) ความเห็นของกิจการเมื่อมีผู้ทำคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัทจากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไป
(4) การให้ข้อมูลหรือรายงานอื่นใดเกี่ยวกับกิจการที่บริษัทจัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ต่อผู้ถือหุ้นหรือประชาชนเป็นการทั่วไป ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด
ในการฟ้องเรียกค่าเสียหายตามวรรคหนึ่ง ห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดสองปีนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ถึงการเปิดเผยข้อมูล อันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงตามวรรคหนึ่งหรือเมื่อพ้นกำหนดห้าปีนับแต่วันที่ได้มีการกระทำนั้น
มาตรา 278
ผู้ใดแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์หรือร่างหนังสือชี้ชวนที่ยื่นตามมาตรา 65 ในสาระสำคัญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับเป็นเงินไม่เกินสองเท่าของราคาขายของหลักทรัพย์ทั้งหมดซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่าห้าแสนบาท
มาตรา 281/10
ผู้ใดมีหน้าที่ส่งหรือเปิดเผยเอกสารหรือข้อมูลดังต่อไปนี้ แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในสาระสำคัญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1) เอกสารหรือข้อมูลที่ส่งต่อสำนักงานหรือตลาดหลักทรัพย์ แล้วแต่กรณี ตามมาตรา 56 มาตรา 57 มาตรา 58 หรือมาตรา 199
(2) เอกสารหรือข้อมูลที่ส่งหรือเปิดเผยต่อผู้ถือหุ้นหรือประชาชนทั่วไปตามบทบัญญัติแห่งหมวด 3/1 การบริหารกิจการของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์
(3) เอกสารหรือข้อมูลที่ส่งหรือเปิดเผยต่อสำนักงานหรือผู้ถือหุ้น แล้วแต่กรณี ตามมาตรา 246 มาตรา 247 มาตรา 248 หรือมาตรา 250
พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535
มาตรา 94
กรรมการต้องรับผิดร่วมกันเพื่อความเสียหายใด ๆ อันเกิดขึ้นแก่ผู้ถือหุ้นและบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทในกรณีดังต่อไปนี้ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการกระทำความผิดนั้นด้วย
(1) การแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความอันควรต้องแจ้งเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทในการเสนอขายหุ้นหุ้นกู้หรือตราสารการเงินของบริษัท
(2) การแสดงข้อความหรือลงรายการในเอกสารที่ยื่นต่อนายทะเบียนโดยข้อความหรือรายการนั้นเป็นเท็จ หรือไม่ตรงกับบัญชี ทะเบียน หรือเอกสารของบริษัท
(3) การจัดทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุน รายงานการประชุมผู้ถือหุ้นหรือรายงานการประชุมคณะกรรมการอันเป็นเท็จ
ข่าวเด่น