ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังมีการเปิดเผยตัวเลขบ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวลงกว่าคาดการณ์ ได้แก่ ดัชนี CPI ทั่วไปรายปี ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้นต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่ดัชนี CPI ทั่วไปรายเดือน ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เช่นเดียวกับดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน รายเดือน และรายปี ออกมาต่ำกว่าที่คาด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง 0.11% มาอยู่ที่ระดับ 3.863% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง 0.12 % มาอยู่ที่ระดับ 4.757% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ 0.89% และดัชนีดอลลาร์ร่วงลงหลุดระดับ 101 จุด มาปิดที่ระดับ 100.50 จุดในเมื่อวานนี้ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ซึ่งหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน และ 100 วันลงมาแล้ว โดยถือได้ว่าดัชนีดอลลาร์สิ้นสุดแนวโน้มทิศทางขาขึ้น ซึ่งดัชนีดอลลาร์ปรับลดลงจากระดับ 103 จุดมาทรงตัวอยู่ที่ระดับ 100.46 จุดในเช้านี้ โดยดัชนีดอลลาร์มีแนวรับสำคัญอยู่ที่ Fibonacci Retracement 61.8% ที่ระดับ 99.26 จุด ส่งผลให้ราคาทองคำโลกปรับตัวสูงขึ้น จากระดับ 1,930 เหรียญ มาอยู่เหนือระดับ 1,955 เหรียญ ขณะที่เช้านี้ราคาทองคำโลกทรงตัวอยู่ที่ 1,957 เหรียญ สำหรับค่าเงินบาทได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ส่งผลให้กลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็ว โดยค่าเงินบาทแข็งค่าจากระดับ 34.77 บาทต่อดอลลาร์ มาปิดที่ระดับ 34.66 บาทต่อดอลลาร์ในเมื่อวานนี้ และเช้านี้ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 34.63 บาทต่อดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาทองไทยปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยกลับมายืนอยู่เหนือระดับ 32,000 บาทต่อบาททองคำอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าวันนี้ราคาทองไทยจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 31,800-32,200 บาทต่อบาททองคำ ด้านสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ปรับตัวสูงขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 1.23% ปิดที่ 75.75 ดอลลาร์/บาร์เรลในเมื่อวานนี้ สำหรับกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ขายออก 0.29 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 914.66 ตัน โดยภาพรวมตลาดมีการรับรู้ว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อในเดือนก.ค. และส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ย จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาลดลงกว่าคาดการณ์ ซึ่งอาจส่งผลให้เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากสุด 2 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังมองว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงพุ่งสูงอยู่ เนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ยังคงอยู่ในระดับสูง และราคาน้ำมันยังไม่ปรับลดลงเท่าไรนัก
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำเริ่มมีสัญญาณของการกลับตัวในระยะสั้น โดยสามารถกลับมายืนอยู่เหนือ 1,930 เหรียญได้ จากการที่เมื่อวานนี้ราคาทองคำสามารถดีดขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,950 เหรียญ เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มทิศทางขาลงในระยะสั้น และกำลังเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นในระยะสั้น และระยะกลาง โดยราคาทองคำสามารถทะลุเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น และระยะกลางบริเวณ 1,945 เหรียญขึ้นมา โดยมองว่าโอกาสที่จะปรับขึ้นไปที่ระดับ 2,000 เหรียญยังมีอยู่สูงในช่วง 2-3 เดือนนี้ ซึ่งต้องประเมินสถานการณ์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดต่อไป สำหรับวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนตัวระหว่างแนวรับที่ 1,940 เหรียญ และแนวต้านที่ 1,980 เหรียญ
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,965 เหรียญ และแนวต้าน 2,005 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,945 เหรียญ และแนวต้าน 1,985 เหรียญ สำหรับราคาทองคำไทยมีแนวรับที่ 31,800 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 32,200 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series Q23 จะมีแนวรับที่ระดับ 32,200 บาท และแนวต้านที่ระดับ 32,500 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่างกันประมาณ 5 - 25 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำ Open Long เทรดซื้อขายตามกรอบแนวโน้มทิศทางขาขึ้น ลงซื้อขึ้นขาย ตามการแกว่งตัวของราคาระหว่างวัน
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
เก็งกำไรในกรอบ เข้าซื้อตามแนวรับและปิดทำกำไรตามแนวต้าน เน้นเทรดระยะสั้น เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ใช้กลยุทธ์ Wait & See หรือรอเปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับเมื่อราคาย่อตัว และควรมี Stop Loss หากราคาผ่านเเนวต้านได้
ข่าวเด่น