สถานการณ์การเมืองยังมีความไม่แน่นอน รอโหวตนายกฯ ครั้งที่สอง ในวันพุธหน้า ขณะที่ด้านทางเทคนิค SET แกว่งในกรอบระหว่าง 1479-1520 จุด รอการ breakout จะมีทิศทางชัดขึ้น โดยหากขึ้นทะลุผ่าน 1520 จุด จะเป็นสัญญาณที่ดี โดยมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1534 จุด ส่วนกรณีหลุด 1479 จุด เป็นสัญญาณลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1465 จุด
ประเด็นสำคัญ
วานนี้ประชุมสภาโหวตนายกฯ รอบแรก เสียงหนุนคุณพิธาไม่ถึง 376 เสียง รอโหวตใหม่รอบสอง 19 ก.ค.
ม. หอการค้าไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย. 66 เพิ่มสูงสุดในรอบ 40 เดือน หนุนจาก ศก. ปรับตัวดีขึ้น ท่องเที่ยวฟื้นชัดเจน แต่ยังกังวลความไม่แน่นอนการจัดตั้ง รบ. และเสถียรภาพการเมือง
กบน. มีแผนตรึงราคาดีเซลไม่เกินลิตรละ 32 บ. ตั้งแต่ 21 ก.ค. ใช้เงินกู้ 5.5 หมื่นลบ. มาอุดหนุน และลดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ หลัง ก. คลังระบุไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีดีเซล คาดได้ข้อสรุปสัปดาห์หน้า
สหรัฐรายงานดัชนี PPI ทั่วไป มิ.ย. +0.1%YoY ต่ำกว่าคาดและต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี ส่วน PPI พื้นฐาน มิ.ย. +2.4%YoY ต่ำกว่าคาด ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานฯ สัปดาห์ที่แล้วลดลงมากกว่าคาด
FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 92.4% ที่ Fed จะขึ้น ดบ. 0.25% สู่ 5.25-5.50% ให้น้ำหนัก 7.6% ที่จะคง ดบ. ในการประชุม 25-26 ก.ค. ส่วนการประชุม 30-31 ม.ค. 2567 ให้น้ำหนัก 42.2% ที่จะลด ดบ. 0.25%
IEA ลดการคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกเป็นครั้งแรกในปีนี้ ผลจากแนวโน้ม ศก. ที่แย่ลง โดยเฉพาะกลุ่ม ปท. ร่ำรวยที่ ศก. ย่ำแย่เป็นพิเศษ
Amazon รายงานยอดขาย Prime Day ปีนี้เพิ่มขึ้น 6.1%YoY สูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสได้รับแรงกดดันจาก Beige Book ของเฟดซึ่งคาดว่าจะมีแนวโน้มของกิจกรรมเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว อีกทั้งเงินเฟ้อของสหรัฐและอังกฤษที่ปรับตัวลงค่อนข้างช้า ขณะที่ในประเทศมีประเด็นสำคัญเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีของไทย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “เน้นตั้งรับ และ Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET ยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในไทยและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “เน้นตั้งรับ และ Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY เลือก BBL ADVANC OSP BDMS BEM
2. หุ้นพื้นฐานดีซึ่งคาดยังมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2023 มากกว่าปีละ 5% เลือก TISCO LH AP
3. นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำซื้อเก็งกำไรหาก SET ปรับลงมาแถว 1450 จุด สำหรับหุ้นที่คาดมีโอกาสฟื้นตัวหลังราคาปรับลงลึกจนซื้อขายด้วย PER และ PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1SD เลือก CRC GULF SCGP
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นกลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT BTG) หลังมองมีโอกาสที่ตลาดจะปรับลดคาดดการณ์กำไรลงหลังประกาศงบ 2Q66 ซึ่งคาดภาพรวมอ่อนทั้ง YoY และ QoQ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT) และ 3) หุ้นท่องเที่ยวที่อาจได้รับกระทบเชิงลบจากประเด็นการเมือง
Daily focus
PTTEP ช่วงสั้นได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ 2Q66 คาดกำไรที่ 1.94 หมื่นลบ. จะยังทรงตัว QoQ แต่อ่อนตัวลง YoY เนื่องจากราคาน้ำมันและก๊าซลดลงและปริมาณการขายลดลงเล็กน้อย ส่วน Div. Yield ปี 2566 คาดหวังไว้ที่ 4-5%
KCE มองผลประกอบการจะ Bottom Out ใน 1H66 และจะเติบโตใน 2H66 จาก Capacity ที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนที่คาดจะลดลง โดยเฉพาะราคาทองแดงในตลาดโลกและค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มลดลง ส่วนราคาหุ้นมองปรับลงสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้วจนปัจจุบันเทรดที่ PER -1SD
ข่าวเด่น