SET ขึ้นมาใกล้บริเวณจุดสูงเดิม 1520 จุด และมีโอกาสขึ้นทะลุผ่าน ด้วยปัจจัยหนุนการเมืองเปลี่ยนแปลง และความหวังเฟดใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1534 จุด ส่วนแนวรับที่คาดเป็นจฺดรองรับได้อยู่ที่ 1506 และ 1494 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
คลังระบุต้องปฏิรูปภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาล โดยเสนอเแพ็กเกจภาษี 20 รายการให้รัฐบาลใหม่พิจารณา เช่น ปรับลดค่าลดหย่อนภาษีที่ให้มากเกินไป ปรับเบี้ยคนชราที่คนรวยก็ได้ด้วย
ขณะที่ภาษีหุ้นพร้อมดำเนินการแต่อาจปรับรูปแบบการจัดเก็บ ขณะที่คาดงบฯ ปี 2567 ล่าช้า 6 เดือน กระทบ GDP 0.05% ทำแผนเร่งด่วนงบ 6.3 แสนลบ. พยุง ศก.
นักเศรษฐศาสตร์ห่วงเอลนีโญฉุด ศก. โดย EIC คาดกระทบ GDP หดตัวราว 4 หมื่นลบ. หากยาวนานความเสียหายอาจสูงถึง 6 หมื่นลบ. ขณะที่ สศช. กังวลซ้ำรอยภัยแล้งปี 58 และปี 62 กระทบ GDP หดตัว 6.5%
สหรัฐรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ค. โดย ม. มิชิแกน เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด และสูงสุดนับตั้งแต่ ก.ย. 2564
ผลประกอบการ 2Q66 ของ 3 ธนาคารใหญ่ คือ เจพีมอร์แกน Citi และเวลส์ ฟาร์โก ออกมาดีกว่าตลาดคาด โดยทำกำไรรวม 22.3 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่แล้ว เพิ่มขึ้นอย่างมากจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ตลาดหุ้นฮ่องกงประกาศเลื่อนเวลาการซื้อขายภาคเช้าในวันนี้ หลังประกาศยกระดับการเตือนภัยจากพายุไต้ฝุ่นตาลิมขึ้นสู่ระดับ 8 นี้ และระบุว่าคำประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้จนถึงเวลาก่อนเที่ยงวันของวันนี้
มีรายงานการปิดบ่อน้ำมันลิเบีย ท่ามกลางความไม่สงบในประเทศ ขณะที่บริษัทเชลล์ระงับการขนถ่ายน้ำมันในไนจีเรีย เนื่องจากมีการรั่วไหลในสถานีกักเก็บน้ำมัน
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังถูกกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นหลัก โดยยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในระดับหนึ่ง และคาดหวังนโยบายการเงินอาจไม่ตึงตัวมากขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “เน้นตั้งรับ และ Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET ยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของสถานการณ์การเมืองไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY เลือก BBL ADVANC OSP BDMS BEM
2. หุ้นพื้นฐานดีซึ่งคาดยังมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2023 มากกว่าปีละ 5% เลือก TISCO LH PTT
3. นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำหุ้นเก็งกำไร หากประเด็นการเมืองในไทยเปลี่ยนแปลง เลือก GULF GPSC CPALL SIRI SC
4. หาก SET ปรับลงมาแถว 1450 จุด มองเป็นโอกาสซื้อหุ้นที่ราคาปรับลงลึกจนซื้อขายด้วย PER และ PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1SD เลือก CRC SCGP OR
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นกลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT BTG) หลังมองมีโอกาสที่ตลาดจะปรับลดคาดการณ์กำไรลงหลังประกาศงบ 2Q66 ซึ่งคาดภาพรวมอ่อนทั้ง YoY และ QoQ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT) และ 3) หุ้นท่องเที่ยวที่อาจได้รับกระทบเชิงลบจากประเด็นการเมือง
Daily focus
GULF ช่วงสั้นมองได้อานิสงส์ Bond Yield ปรับตัวลง ขณะที่ 2H66 คาดกำไรปกติจะโต YoY และ HoH จากกำลังผลิตใหม่ของโรงไฟฟ้า IPP (1,3255MW) ที่ COD ใน มี.ค. และ ต.ค. 66 และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯที่เริ่มรับรู้รายได้ มี.ค. 66
CPALL 2Q66 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY โดยเกิดจากยอดขายที่ดีขึ้นทั้งธุรกิจ CVS และ CPAXT แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ 2H66 กำไรจะดีขึ้น HoH จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้ของ CPAXT เสร็จในช่วงปลายเดือน เม.ย.
ข่าวเด่น