เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
MTS Gold คาดว่าราคาทองคำตลาดโลกจะมีแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,945 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ 1,980 เหรียญ


ทิศทางราคาทองคำ

 
ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมามีการปรับตัวสูงขึ้น หลังจากลงมาทดสอบแนวรับระยะสั้นแถวบริเวณ 1,900 เหรียญ ก่อนจะดีดกลับขึ้นไปทำจุดสูงสุดแถวบริแวณ 1,964 เหรียญ และมีแรงเทขายทำกำไรกลับลงมาปิดที่ 1,950 เหรียญ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทำให้วิเคราะห์ได้ว่าราคาทองคำเริ่มกลับทิศทางจากภาวะขาลงมาเป็นขาขึ้น เนื่องจากราคาทองคำสามารถดีดกลับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นและระยะกลางได้ ท่ามกลางตลาดเริ่มกลับมาคำนึงว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ไม่มากนัก แม้ว่าในช่วงก่อนหน้าตลาดรับรู้ข่าวการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงรอการตัดสินใจของเฟดที่จะมีขึ้นในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้ม 96.1% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 5.50% ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ออกมาลดลงกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวลดลง ทำให้ภาพรวมตลาดวิเคราะห์ว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งและยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นผลบวกต่อราคาทองคำในทิศทางขาขึ้น ด้านราคาน้ำมันภาพรวมยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นเช่นเดียวกัน แม้ว่าในวันศุกร์สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 1.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านดัชนีดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงต่อเนี่อง จากวันศุกร์เปิดที่ระดับ 99.75 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 99.57 จุด ก่อนแข็งค่าขึ้นไปปิด 99.96 จุด ขณะที่เช้านี้ดัชนีดอลลาร์อยู่ที่ 99.97 จุด โดยดัชนีดอลลาร์มีแนวรับเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวที่ 101-102 จุด แต่ราคาสามารถหลุดลงมาได้ ทำให้ภาพรวมดัชนีดอลลาร์อยู่ในทิศทางแนวโน้มอ่อนค่าลง ขณะที่ราคาทองคำอยู่ในแนวโน้มทิศทางขาขึ้น กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวันศุกร์ไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 914.66 ตัน ขณะที่ภาพรวมธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มกลับมาสะสมทองคำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธนาคารกลางจีน (PBOC) เพิ่มการถือครองทองคำสำรองอีก 23 ตันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มติดต่อกันเดือนที่ 8 ส่งผลให้ในขณะนี้จีนมีทองคำสำรองอยู่ที่ 2,330 ตัน และความกดดันจากกลุ่มประเทศ BRICS ที่ผลักดันใช้สกุลเงินท้องถิ่นแทนดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งส่งเสริมให้มีการสำรองทองคำแทนดอลลาร์แทนมากขึ้น

 
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
 
ในเชิงเทคนิคราคาทองคำอยู่ในลักษณะ Bottom out และเริ่มกลับทิศทางเป็นแนวโน้มขาขึ้นหลังจากลงไปทดสอบจุดต่ำสุด โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำสามารถทะลุแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวและระยะสั้นได้ จึงยืนยันได้ว่าราคาทองคำเข้าสู่ทิศทางแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ราคาทองไทยมีบางช่วงที่หลุดระดับ 32,000 บาทต่อบาททองคำลงไป ขณะที่เช้านี้ดีดกลับขึ้นมาอีกครั้ง โดยราคาทองไทยยังคงมีแนวโน้มหลักเป็น Sideways หรือ Sideways up อย่างช้าๆ เนื่องจากค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าใน โดยเช้ามาทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 34.60 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ราคาทองไทยมีกรอบแนวรับสำคัญอยู่ที่บริเวณ 31,800 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านที่ 32,200 บาทต่อบาททองคำ โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคำตลาดโลกจะมีแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,945 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ 1,980 เหรียญ

สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,970 เหรียญ และแนวต้าน 2,005 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,950 เหรียญ และแนวต้าน 1,985 เหรียญ

Gold Futures Series Q23 จะมีแนวรับที่ระดับ 32,150 บาท และแนวต้านที่ระดับ 32,450 บาท

โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่างกันประมาณ 5 - 25 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

 
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
 
แนะนำ Open Long เทรดซื้อขายตามกรอบแนวโน้มทิศทางขาขึ้น หาจังหวะเข้าซื้อตามแนวรับเมื่อราคาย่อตัว

- นักลงทุนที่ถือ Long Position
เก็งกำไรในกรอบทิศทางขาขึ้น หาจังหวะเข้าซื้อตามแนวรับและปิดทำกำไรตามรอบ

- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ใช้กลยุทธ์ Wait & See รอดูการทดสอบราคาบริเวณแนวต้าน ควรมี Stop Loss หากราคาผ่านเเนวต้านได้
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 ก.ค. 2566 เวลา : 12:27:48
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 1:51 pm