เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "Upside จำกัด และมีโอกาสอ่อนตัว"


คาด SET ในระยะสั้นยังมี upside จำกัด โดยมีแนวต้าน 1545 และ 1555 จุด ตามลำดับ จากสัญญาณเทคนิคเข้าสู่ภาวะ overbought และเริ่มอ่อนแรง รวมถึงดัชนีจะเผชิญแรงขายทำกำไรลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมืองให้มีโอกาสอ่อนตัวได้เช่นกัน ด้านแนวรับอยู่ที่ 1527 จุด และ 1518 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

ที่ประชุมรัฐสภาลงความเห็นเสนอชื่อคุณพิธาโหวตนายกฯ รอบ 2 ไม่ได้เพราะห้ามนำญัตติที่ตกไปแล้วเสนอซ้ำ เตรียมโหวตนายกฯ ครั้งต่อไป 27 ก.ค. ขณะที่ศาล รธน. มีมติรับคำร้องคดีหุ้นสื่อ และสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ทันที

ธปท. ระบุจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้ากระทบฉุดความเชื่อมั่น นลท. ต่างชาติ กังวลห่วงหนี้ครัวเรือนสูง โดย 21 ก.ค. นี้ เตรียมออกหลักเกณฑ์แก้หนี้ครัวเรือนยั่งยืน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนกู้-คนให้กู้

ADB ปรับคาดการณ์ GDP ไทยปี 66 โต 3.5% ด้าน คกก. ประกอบธุรกิจคนต่างด้าวอนุมัติชาวต่างชาติลงทุนในไทย 1H66 จำนวน 326 ราย เพิ่มขึ้น 15% นำเงินเข้าลงทุน 4.9 หมื่นลบ.

FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 99.8% ที่ Fed จะขึ้น ดบ. 0.25% สู่ 5.25-5.50% ในการประชุม 25-26 ก.ค. และให้น้ำหนัก 0.2% ที่จะคง ดบ. ที่ 5.00-5.25%

สหรัฐรายงานตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้าน มิ.ย. ลดลง 8%MoM ต่ำกว่าคาด ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้าน มิ.ย. ลดลง 3.7%MoM

EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่แล้วลดลง 7 แสนบาร์เรล น้อยกว่าคาดว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล

อังกฤษรายงานเงินเฟ้อ มิ.ย. ชะลอตัวลงเกินคาด ต่ำสุดในรอบ 1 ปี

รัสเซียจะไม่เจรจาข้อตกลงส่งออกธัญพืชจากยูเครนผ่านทะเลดำ หาก UN ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดการส่งออกสินค้าเกษตรของรัสเซียภายใน 3 เดือน

Netflix และ Tesla ประกาศผลประกอบการ 2Q66 ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด

กลยุทธ์การลงทุน
 
ช่วงสั้นมอง SET ยังถูกกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นหลัก โดยยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในระดับหนึ่ง และคาดหวังนโยบายการเงินอาจไม่ตึงตัวมากขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน 
 
Weekly Portfolio : มอง SET ยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของสถานการณ์การเมืองไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY เลือก BBL ADVANC OSP BDMS BEM

2. หุ้นพื้นฐานดีซึ่งคาดยังมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2023 มากกว่าปีละ 5% เลือก TISCO LH PTT

3. นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำหุ้นเก็งกำไร หากประเด็นการเมืองในไทยเปลี่ยนแปลง เลือก GULF GPSC CPALL SIRI SC

4. หาก SET ปรับลงมาแถว 1450 จุด มองเป็นโอกาสซื้อหุ้นที่ราคาปรับลงลึกจนซื้อขายด้วย PER และ PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1SD เลือก CRC SCGP OR

ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นกลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT BTG) หลังมองมีโอกาสที่ตลาดจะปรับลดคาดการณ์กำไรลงหลังประกาศงบ 2Q66 ซึ่งคาดภาพรวมอ่อนทั้ง YoY และ QoQ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง  ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT) และ 3) หุ้นท่องเที่ยวที่อาจได้รับกระทบเชิงลบจากประเด็นการเมือง

Daily focus

CPALL 2Q66 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY โดยเกิดจากยอดขายที่ดีขึ้นทั้งธุรกิจ CVS และ CPAXT แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ 2H66 กำไรจะดีขึ้น HoH จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้ของ CPAXT เสร็จในช่วงปลายเดือน เม.ย.

HTC มองทิศทางผลการดำเนินงานในส่วนที่เหลือของปีนี้สดใส โดย 2Q66 คาดกำไรเติบโต YoY แต่อาจทรงตัว QoQ ส่วนปี 66 คาดจะสร้างสถิติกำไรสูงสุดที่ 629 ลบ. (+45%YoY) จากออกสินค้าใหม่ การกระจายสินค้าไปในพื้นที่ท่องเที่ยวมากขึ้น และบริหารต้นทุนดีขึ้น
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 ก.ค. 2566 เวลา : 11:23:33
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 1:54 pm