คาด SET มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ โดยมีแนวต้านที่ 1535 และ 1545 จุด ตามลำดับ หลังทางเทคนิคดัชนียืนได้บริเวณแนวรับ 1517 จุด และเงินบาทที่เริ่มกลับมาแข็งค่า เป็นปัจจัยบวกด้าน fund flow ขณะที่ปัจจัยการเมือง คาดลดอิทธิพลต่อดัชนี เนื่องจากวันที่ 27 ก.ค. เลื่อนโหวตนายกฯ และก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาววันหยุดราชการ
ประเด็นสำคัญ
ศาล รธน.คาดใช้เวลา 7 วันตามขั้นตอนก่อนตัดสินรับ-ไม่รับคำร้องผู้ตรวจการฯ ขณะที่ ปธ. สภาฯ แจ้งงดประชุมวิป 3 ฝ่าย-งดประชุมรัฐสภา 27 ก.ค.
ส.อ.ท. รายงานยอดส่งออกรถยนต์ มิ.ย. +20.22%YoY ยอดผลิตรถยนต์ มิ.ย. +1.78%YoY แต่ลดเป้าผลิตรถยนต์ปีนี้ลง 2.01% เหลือ 1.9 ล้านคัน
ศาลปกครองกลางยกฟ้องคดี BTS ฟ้อง คกก.คัดเลือก-รฟม. ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มรอบ 2 ระบุขั้นตอนประกาศฯ และออกเอกสารคัดเลือกชอบด้วยกฎหมาย
IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP โลกปีนี้ขึ้นสู่ 3% จากเดิมที่ 2.8% ส่วน GDP ปีหน้าคงคาดการณ์เดิมที่ 3% โดยคาด GDP สหรัฐปีนี้ +1.8% ปีหน้า +1% ส่วน GDP จีนปีนี้คาด +5.2% ปีหน้า +4.5%
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐโดย Conference Board ปรับตัวขึ้นสูงกว่าคาด และสูงสุดนับตั้งแต่ ก.ค. 2564
ทางการจีนส่งสัญญาณใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งเร่งสร้างเสถียรภาพของการจ้างงาน ควบคู่ไปกับการกระตุ้นอุปสงค์การอุปโภคบริโภค และแก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น
Microsoft และ Alphabet กำไรสูงกว่าประมาณการรายไตรมาส จากธุรกิจคลาวด์และ AI
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเริ่มคลายกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในระดับหนึ่ง และกำลังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ FED, ECB และ BOJ ในสัปดาห์นี้ โดยในส่วนของ FED คาดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้และตลาดได้รับรู้ไปแล้ว ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET ยังถูกกดดันจากปัจจัยในประเทศ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเริ่มคลายกังวลในระดับหนึ่ง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY และ QoQ เลือก BBL ADVANC BEM GULF
2. หุ้นเก็งกำไรที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 มีโอกาสดีกว่าตลาดคาด เลือก SCGP
3. นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำหุ้นเก็งกำไร หากประเด็นการเมืองในไทยเปลี่ยนแปลง เลือก CPAXT BJC TNP AMATA OSP HTC KCE HANA
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นกลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT BTG) หลังมองมีโอกาสที่ตลาดจะปรับลดคาดดการณ์กำไรลงหลังประกาศงบ 2Q66 ซึ่งคาดภาพรวมอ่อนทั้ง YoY และ QoQ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT) และ 3) หุ้นท่องเที่ยวที่อาจได้รับกระทบเชิงลบจากประเด็นการเมือง
Daily focus
PTTGC มองได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันฟื้นตัว ขณะที่สัดส่วนก๊าซในอ่าวไทยทยอยปรับขึ้นจะช่วยลดต้นทุน และแนวโน้ม 2Q66 คาดผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวดีขึ้นได้บ้าง QoQ อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เทรดที่ 0.5 PBV และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ราว 3.1%
KCE มองผลประกอบการคาดจะกลับมาเติบโตอีกครั้งใน 2H66 จาก Pent up demand โดยเฉพาะจากลูกค้าฝั่งยุโรปซึ่งคาดจะชดเชยการปรับลดราคาขายให้กับลูกค้าได้ และคาดจะดีต่อเนื่องไปถึงปี 2567 ที่มีการขยายกำลังผลิตครั้งใหญ่
ข่าวเด่น