เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด แต่ยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในปีนี้ และการตัดสินใจขึ้นกับข้อมูลเศรษฐกิจ ด้านปัจจัยการเมืองยังมีความไม่แน่นอน ทำให้มองดัชนีแกว่งในกรอบ 1517-1535 จุด เพื่อรอประเมินสถานการณ์ในระยะต่อไป ทั้งนี้ทางเทคนิค รอการ breakout จะมีทิศทางชัดขึ้น โดยกรอบบนมีแนวต้านถัดไปที่ 1545 จุด ส่วนกรอบล่างมีแนวรับถัดไปที่ 1510 จุด
ประเด็นสำคัญ
ศาล รธน. นัดประชุม 3 ส.ค. พิจารณารับคำร้องผู้ตรวจการฯ กรณีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบเสนอชื่อคุณพิธา โหวตเป็นนายกฯ รอบ 2 ขัด รธน. หรือไม่
คลังคาด ศก. ไทยปี 2566 จะขยายตัวที่ 3.5% (ช่วงคาดการณ์ที่ 3.0-4.0%) ขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2565 ที่ขยายตัวที่ 2.6% ต่อปี หนุนจากภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ภายในประเทศที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง
พาณิชย์รายงานการส่งออก มิ.ย. -6.4%YoY ขณะที่การนำเข้า มิ.ย. -10.3%YoY ส่งผลให้เกินดุลการค้า 57.7 ล้านดอลลาร์ คาด ก.ค.พลิกขยายตัว หนุนจากเงินบาทแข็งค่า-วิกฤตอาหารหนุนสินค้าเกษตรไทย โดยยังคงเป้าส่งออกปีนี้โต 1-2%
ประชุม Fed ปรับขึ้น ดบ. 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ตามคาด ขณะที่ ปธ. Fed ไม่ได้ส่งสัญญาณชะลอการขึ้น ดบ. ในอนาคต โดยจะตัดสินใจในการประชุมเป็นรายครั้งขึ้นกับภาวะ ศก. แต่คาดจะยังไม่ลด ดบ. ในปีนี้
ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ มิ.ย. ลดลง 2.5% สู่ 697,000 ยูนิต ต่ำกว่าคาดที่ 725,000 ยูนิต จาก 715,000 ยูนิตใน พ.ค. กระทบจากราคาบ้านที่อยู่ในระดับสูง และ ดบ. เงินกู้จำนองที่ปรับตัวสูงขึ้น
EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่แล้วลดลง 6 แสนบาร์เรล น้อยกว่าคาดว่าจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล
eBay กำไร 2Q66 สูงกว่าคาด ส่วนรายได้ต่ำกว่าคาด ส่วน Meta กำไรและรายได้สูงกว่าคาดใน Q2
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเริ่มคลายกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในระดับหนึ่ง และกำลังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ FED, ECB และ BOJ ในสัปดาห์นี้ โดยล่าสุด FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps ตามตลาดคาด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET ยังถูกกดดันจากปัจจัยในประเทศ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเริ่มคลายกังวลในระดับหนึ่ง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY และ QoQ เลือก BBL ADVANC BEM GULF
2. หุ้นเก็งกำไรที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 มีโอกาสดีกว่าตลาดคาด เลือก SCGP
3. นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำหุ้นเก็งกำไร หากประเด็นการเมืองในไทยเปลี่ยนแปลง เลือก CPAXT BJC TNP AMATA OSP HTC KCE HANA
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นกลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT BTG) หลังมองมีโอกาสที่ตลาดจะปรับลดคาดดการณ์กำไรลงหลังประกาศงบ 2Q66 ซึ่งคาดภาพรวมอ่อนทั้ง YoY และ QoQ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT) และ 3) หุ้นท่องเที่ยวที่อาจได้รับกระทบเชิงลบจากประเด็นการเมือง
Daily focus
IVL มองได้ประโยชน์จากล่าสุดราคาฝ้ายที่เป็นสินค้าทดแทนของ PET ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่ ต.ค. 65 ขณะที่ 2Q66 คาดกำไรจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ แต่จะปรับตัวดีขึ้นใน 2H66 จากปริมาณการขายที่ฟื้นตัวจากการเติมสินค้าคงคลัง
HANA แม้ 2Q66 คาดผลการดำเนินงานจะยังคงอ่อนแอ แต่จะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นได้ในช่วง 2H66 จากดีมานด์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่ช่วงทีผ่านมามองราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์
ข่าวเด่น