
ประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจความเป็นอยู่ของตนเองในครึ่งปีแรกเฉลี่ย 3.07 คะแนน จากเต็ม 5 คะแนน โดยร้อยละ 40.1 ระบุว่าสถานการณ์ทางการเงินตอนนี้ มีรายได้แบบเดือนชนเดือนไม่พอเก็บออม ส่วนใหญ่ร้อยละ 75.6 หมดเงินไปกับค่าเดินทาง/ค่าน้ำมัน และร้อยละ 33.3 หมดเงินไปกับการเสี่ยงโชค/เล่นหวย/ซื้อลอตเตอรี่ ทั้งนี้ร้อยละ 49.6 วอนรัฐบาลใหม่แก้ไขปัญหาค่าครองชีพสูง สินค้าราคาแพงเป็นอันดับแรกเพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
กรุงเทพโพลล์โดย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความเห็นของประชาชนเรื่อง “ความเป็นอยู่ของคนไทยในครึ่งปีแรกของปี 66” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,077 คน พบว่า
ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจชีวิตความเป็นอยู่ในภาพรวมเฉลี่ย 3.07 คะแนนจากเต็ม 5 คะแนน ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง โดยด้านที่มีความพึงพอใจมากที่สุดคือ ด้านความสัมพันธ์ในครอบครัว เฉลี่ย 4.00 คะแนน ขณะที่ด้านที่มีความพึงพอใจน้อยที่สุดคือ ด้านค่าครองชีพ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ เฉลี่ย 2.03 คะแนน
ส่วนสถานการณ์ทางการเงินในช่วงครึ่งปีแรก พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 40.1 ระบุว่า มีรายได้แบบเดือนชนเดือน ไม่พอเก็บออม/ยังไม่ได้ออมเลย รองลงมาร้อยละ 26.1 ระบุว่า มีรายได้ไม่เพียงพอต้องหยิบยืม/เงินขาดมือ และร้อยละ 23.8 ระบุว่า มีรายได้เพียงพอ มีเงินออมลดลง/ไม่ได้ตามเป้า ที่เหลือร้อยละ 10.0 ระบุว่ามีรายได้เพียงพอ มีเงินออมตามเป้า
ทั้งนี้เมื่อถามต่อว่าหมดเงินไปกับเรื่องใดบ้างนอกจากค่าอาหารการกิน พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 75.6 ระบุว่า หมดเงินไปกับค่าเดินทาง/เติมน้ำมัน/เติมก๊าซ รองลงมาร้อยละ 33.3 ระบุว่า เสี่ยงโชค/เล่นหวย/ซื้อลอตเตอรี่ และร้อยละ 32.5 ระบุว่า ช้อปปิ้งออนไลน์/ซื้อของออนไลน์
สำหรับสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลใหม่แก้ปัญหามากที่สุดเป็นอันดับแรกเพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ส่วนใหญ่ร้อยละ 49.6 ระบุว่า เรื่องค่าครองชีพสูง สินค้าราคาแพง รองลงมาร้อยละ 20.7 ระบุว่า เรื่องเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยวของไทย และร้อยละ 11.1 ระบุว่า เรื่องควบคุมราคาน้ำมัน
โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาท่านพึงพอใจในชีวิตความเป็นอยู่ของท่านในด้านต่างๆ ต่อไปนี้ มากน้อยเพียงใด
ระดับความพึงพอใจ (เต็ม 5 คะแนน) แปลผล
ความสัมพันธ์ในครอบครัว 4.00 มาก
สุขภาพ โรคภัย และการเข้าถึงการรักษาพยาบาล 3.38 ปานกลาง
ความสะดวกสบายในการเดินทาง 3.25 ปานกลาง
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 3.23 ป่านกลาง
การงาน การประกอบอาชีพ 2.98 ปานกลาง
รายได้เพียงพอกับรายจ่าย 2.59 น้อย
ค่าครองชีพ ราคาสินค้า อุปโภค บริโภค 2.03 น้อย
เฉลี่ยรวม 3.07 ปานกลาง
2. สถานการณ์ทางการเงินของท่านในช่วงครึ่งปีแรกเป็นอย่างไร
มีรายได้แบบเดือนชนเดือน ไม่พอเก็บออม/ยังไม่ได้ออมเลย ร้อยละ 40.1
รายได้ไม่เพียงพอต้องหยิบยืม/เงินขาดมือ ร้อยละ 26.1
มีรายได้เพียงพอ มีเงินออมลดลง/ไม่ได้ตามเป้า ร้อยละ 23.8
มีรายได้เพียงพอ มีเงินออมตามเป้า ร้อยละ 10.0
3. ท่านหมดเงินไปกับเรื่องใดบ้างนอกจากค่าอาหารการกิน (เลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ค่าเดินทาง/เติมน้ำมัน/เติมก๊าซ ร้อยละ 75.6
เสี่ยงโชค/เล่นหวย/ซื้อลอตเตอรี่ ร้อยละ 33.3
ช้อปปิ้งออนไลน์/ซื้อของออนไลน์ ร้อยละ 32.5
ผ่อนรถ ร้อยละ 30.1
สังสรรค์/พบปะเพื่อนฝูง ร้อยละ 21.9
จ่ายหนี้ที่หยิบยืมมา/นอกระบบ ร้อยละ 18.4
ท่องเที่ยว ร้อยละ 17.6
ค่ารักษาพยาบาล ร้อยละ 16.7
ผ่อนบ้าน ร้อยละ 16.0
ผ่อนสินค้าต่างๆ/ผ่อนบัตรเครดิต ร้อยละ 12.5
อื่นๆ อาทิ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าให้ลูกไปโรงเรียน ทำบุญ อาหารสัตว์ ฯลฯ ร้อยละ 6.2
4. สิ่งที่ท่านต้องการให้รัฐบาลใหม่แก้ปัญหามากที่สุดเป็นอันดับแรกเพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
ค่าครองชีพที่สูง สินค้าราคาแพงขึ้น ร้อยละ 49.6
ด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว ของไทย ร้อยละ 20.7
ควบคุมราคาน้ำมัน ร้อยละ 11.1
ราคาสินค้าการเกษตร ราคาปุ๋ย อาหารสัตว์ ร้อยละ 8.6
การรับมือกับสังคมสูงอายุ ร้อยละ 5.6
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ร้อยละ 1.7
ปัญหาจราจรและการเดินทาง ร้อยละ 1.2
การป้องกันรับมือกับปัญหาโลกรวน/น้ำท่วม/น้ำแล้ง ร้อยละ 0.6
อื่นๆ อาทิ ปัญหายาเสพติด ปัญหาคอร์รัปชั่น ฯลฯ ร้อยละ 0.9
รายละเอียดในการสำรวจ
วัตถุประสงค์ในการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ความพึงพอใจต่อการใช้ชีวิตในด้านต่างๆ สถานภาพทางการเงินการออม ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในแต่ละเดือน และเรื่องที่อยากให้รัฐบาลใหม่แก้ไขมากที่สุดอันดับแรก ทั้งนี้เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
ประชากรที่สนใจศึกษา
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ± 4 ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
วิธีการรวบรวมข้อมูล
ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอนประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นจึงนำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 17- 21 กรกฎาคม 2566
วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 29 กรกฎาคม 2566
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
เพศ
ชาย จำนวน 571ร้อยละ 53.1
หญิง จำนวน 506 ร้อยละ 46.9
รวม จำนวน 1,077 ร้อยละ 100.0
อายุ
18 – 30 ปี จำนวน 93 ร้อยละ 8.6
31 – 40 ปี จำนวน 143 ร้อยละ 13.3
41 – 50 ปี จำนวน 228 ร้อยละ 21.2
51 – 60 ปี จำนวน 301 ร้อยละ 27.9
61 ปีขึ้นไป จำนวน 312 ร้อยละ 29.0
รวม จำนวน 1,077 ร้อยละ 100.0
การศึกษา
ต่ำกว่าปริญญาตรี จำนวน 717 ร้อยละ 66.6
ปริญญาตรี จำนวน 283 ร้อยละ 26.3
สูงกว่าปริญญาตรี จำนวน 77 ร้อยละ 7.1
รวม จำนวน 1,077 ร้อยละ 100.0
อาชีพ
ลูกจ้างรัฐบาล จำนวน 116 ร้อยละ 10.8
ลูกจ้างเอกชน จำนวน 178 ร้อยละ 16.5
ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร จำนวน 480 ร้อยละ 44.6
เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง จำนวน 31 ร้อยละ 2.9
พ่อบ้าน/ แม่บ้าน/เกษียณอายุ จำนวน 206 ร้อยละ 19.1
นักเรียน/นักศึกษา จำนวน 11 ร้อยละ 1.0
ว่างงาน จำนวน 55 ร้อยละ 5.1
รวม จำนวน 1,077 ร้อยละ 100.0
ข่าวเด่น