คาด SET มี upside จำกัด โดยมีแนวต้านที่ 1565 และ 1570 จุด ตามลำดับ จากสัญญาณเทคนิคที่ร้อนแรง และเริ่มเข้าสู่ภาวะ overbought รวมถึงสถานการณ์การเมืองยังไม่มีความแน่นอน โดยประเด็นสำคัญ ติดตามการโหวตนายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค. นี้ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1543 จุด หากต่ำกว่าเป็นลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1530 จุด
ประเด็นสำคัญ
• ISM รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐ ก.ค. หดตัวติดต่อกันเดือนที่ 9 เช่นเดียวกับ S&P Global รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายหดตัวใน ก.ค. ขณะที่ตัวเลขเปิดรับสมัครงาน มิ.ย. ลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี
• ราคาธัญพืชตลาดโลกปรับลงหลังคาดสภาพอากาศแถบมิดเวสต์สหรัฐเอื้อต่อการเพาะปลูก และไม่มีการโจมตีจากรัสเซียในทะเลดำ
• GDP ยูโรโซน 2Q66 ขยายตัวเกินคาดที่ 0.6%YoY และ 0.3%QoQ ขณะที่เงินเฟ้อทั่วไป ก.ค. +5.3% ลดลงจาก +5.5% ใน มิ.ย.
• รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นการบริโภคในภาคยานยนต์-อสังหาฯ-การบริการ
• GS เพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกปีนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 102.8 ล้านบาร์เรล/วัน ส่วนอุปทานน้ำมันคาดจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล/วันใน 2H66 และลดลง 6 แสนบาร์เรล/วันในปี 2567
• วันนี้ประชุม กนง. คาดปรับขึ้น ดบ. นโยบาย 0.25% ตามที่ได้ส่งสัญญาณก่อนหน้าว่าความเสี่ยงเงินเฟ้ออาจเร่งสูงขึ้นใน 2H66
• ธปท. กังวล 3 ความเสี่ยง ศก. โลกผันผวน-การเมืองไทยไม่ชัดเจน-กลุ่มเปราะบางรับค่าครองชีพสูงไม่ไหว จับตาภัยแล้งกระทบภาคเกษตร การส่งออกอาจต้องรอฟื้นตัวช่วงปลายปี
• ททท. คาดจำนวน นทท. ปีนี้เป็นไปตามเป้า แต่ลดคาดการณ์รายได้ปีนี้ที่ 2.167 ล้านลบ. ต่ำกว่าเป้า 8.9% เพราะส่วนใหญ่เป็น นทท. ระยะใกล้ และจำนวนเที่ยวบินน้อยกว่าก่อนโควิด-19 อย่างมาก
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET ยังเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และเข้าสู่ช่วงติดตามผลการดำเนินงาน 2Q66 ของหุ้น Real Sector ส่วนการประชุมนโยบายของ กนง. (วันที่ 2 ส.ค.) ตลาดคาดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bps ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมองตลาดจับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีนและสหรัฐ รวมทั้งผลการดำเนินงาน 2Q66 ที่ทยอยออกมาคาดมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ช้าในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET อยู่ระหว่างรอความชัดเจนปัจจัยการเมืองในประเทศ รวมทั้งจับตาการเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน 2Q66 ของ บจ. ไทยและต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY และ QoQ เลือก ADVANC BEM GULF รวมทั้งเก็งกำไรหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 มีโอกาสดีกว่าตลาดคาด เลือก AOT MINT
2. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q66 และจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้น QoQ และ YoY ใน 3Q-4Q66 เลือก ERW PTT OSP KCE
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะออกมาอ่อนแอ และมีโอกาสตลาดจะปรับลดประมาณการ อาทิ กลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT BTG) และกลุ่มหลักทรัพย์ (ASP, MST) และ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
Daily focus
ADVANC มองภาพรวมการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์มือถือยังคงมีสัญญาณที่ดูดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 2Q66 คาดกำไรจะสามารถกลับมาเติบโตทั้ง QoQ และ YoY อีกทั้งบริษัทเตรียมที่จะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหลังงบ 2Q66 ออก โดยคาดจะอยู่ที่ 3.5 บาทต่อหุ้น
OR แม้คาดกำไร 2Q66 ลดลงเล็กน้อย QoQ จากปริมาณขายที่ลดลงตามฤดูกาลและค่าการตลาดที่แคบลง แต่คาดกำไร 2H66 จะฟื้นตัวโดดเด่น YoY โดยคาดกำไรปีนี้โต 31%YoY จากค่าการตลาดที่ฟื้นตัวดีขึ้นและค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง
ข่าวเด่น