คาด SET ปรับลง จากสัญญาณเทคนิคที่เป็นลบ และการเมืองพลิกขั้ว สร้างความกังวลต่อเหตุการณ์การชุมนุม รวมถึงปัจจัยลบภายนอก หลังสหรัฐถูก downgrade ด้านแนวรับอยู่ที่ 1543 และ 1530 จุด ตามลำดับ ด้านกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1555 และ 1563 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• วันนี้ติดตามศาล รธน. จะรับคำร้องผู้ตรวจการฯ หรือไม่ ขณะที่วานนี้พรรคเพื่อไทยยกเลิก MOU 8 พรรค เพื่อเปิดโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นไปได้มากขึ้น
• กนง. มติเอกฉันท์ขึ้น ดบ. นโยบาย 0.25% สู่ 2.25% สูงสุดรอบ 9 ปี ส่งสัญญาณใกล้จบรอบ ดบ. ขาขึ้น เน้นดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายควบคู่เสถียรภาพการเงินระยะยาว
• กกร. คง GDP ปีนี้ 3-3.5% ส่งออกหดตัว -2 ถึง 0% เงินเฟ้อ 2.2-2.7% กังวลตั้งรัฐบาลล่าช้าส่งผลต่องบประมาณ-ส่งออกชะลอ-ภัยแล้งรุนแรง ฉุด ศก.ไทย
• การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ก.ค. เพิ่มขึ้น 3.24 แสนตำแหน่ง สูงกว่าคาดที่ 1.75 แสนตำแหน่ง
• รมว. คลังสหรัฐไม่เห็นด้วยที่ Fitch ลดเครดิตสหรัฐลงมาที่ AA+ จากการคลังถดถอย-ภาระหนี้ภาครัฐเพิ่ม ระบุเป็นข้อมูลล้าสมัย
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 17 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าคาดว่าลดลงเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล แต่ราคาน้ำมันถูกกดดันจากการปรับลดอันดับเครดิตของ Fitch Rating และรัฐบาลสหรัฐยกเลิกซื้อน้ำมัน 6 ล้านบาร์เรลเข้าสู่คลังสำรองฯ เนื่องจากคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะปรับขึ้นต่อเนื่อง
• รัฐบาลกลางจีนประกาศ 20 ประการหนุนการท่องเที่ยว กระตุ้นการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ส่วน ก. คลังเตรียมขยายเวลาลด VAT ธุรกิจขนาดเล็กและครัวเรือนในชนบทจนถึงปี 2570 และภาษีรายได้จากการขายลดลงเหลือ 1%
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET ยังเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และเข้าสู่ช่วงติดตามผลการดำเนินงาน 2Q66 ของหุ้น Real Sector ส่วนการประชุมนโยบายของ กนง. (วันที่ 2 ส.ค.) ตลาดคาดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bps ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมองตลาดจับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีนและสหรัฐ รวมทั้งผลการดำเนินงาน 2Q66 ที่ทยอยออกมาคาดมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ช้าในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET อยู่ระหว่างรอความชัดเจนปัจจัยการเมืองในประเทศ รวมทั้งจับตาการเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน 2Q66 ของ บจ. ไทยและต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY และ QoQ เลือก ADVANC BEM GULF รวมทั้งเก็งกำไรหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 มีโอกาสดีกว่าตลาดคาด เลือก AOT MINT
2. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q66 และจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้น QoQ และ YoY ใน 3Q-4Q66 เลือก ERW PTT OSP KCE
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะออกมาอ่อนแอ และมีโอกาสตลาดจะปรับลดประมาณการ อาทิ กลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT BTG) และกลุ่มหลักทรัพย์ (ASP, MST) และ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
Daily focus
CPALL 2Q66 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่ม หนุนโดยยอดขายที่ดีขึ้นทั้งธุรกิจ CVS และ CPAXT แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ 2H66 กำไรจะดีขึ้น HoH จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้ของ CPAXT เสร็จในช่วงปลายเดือน เม.ย.
ADVANC แนวโน้มผลประกอบการ 2Q-3Q66 แข็งแกร่งจากมาตรการควบคุมต้นทุน เพิ่มความสามารถในการทำกำไร อีกทั้งการแข่งขันในธุรกิจ fixed broadband ที่รุนแรงน้อยลงหนุน ARPU เพิ่มขึ้น คาด 2Q66 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY คาดหวังเงินปันผลสำหรับ 1H66 ที่ 3.5 บาทต่อหุ้น
ข่าวเด่น