คาด SET แม้มีการรีบาวด์บ้าง จากเมื่อวานปรับลงแรง อย่างไรก็ตาม คาดว่าการฟื้นตัวจำกัด โดยมีแนวต้านที่ 1540 และ 1550 จุด ตามลำดับ ด้านความไม่แน่นอนทางการเมือง ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาด ส่วนภาพรวมดัชนีเข้าสู่การพักฐาน และยังมี downside โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1520 และ 1510 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• Govt. Bond Yield 10 ปีสหรัฐพุ่งขึ้นที่ 4.189% สูงสุดในรอบ 9 เดือน หลัง Fitch Rating ปรับลด credit rating ของสหรัฐ ขณะที่ VIX Index เพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่เดือน มิ.ย.
• สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นตามคาดสู่ 2.27 แสนราย ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการ ก.ค. โดย ISM ปรับลดลงต่ำกว่าคาด
• BoE มีมติ 6-3 ปรับขึ้น ดบ. 0.25% สู่ 5.25% และส่งสัญญาณตรึง ดบ. ระดับสูงต่อไปจนกว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมาย 2%
• น้ำมันดิบ Brent +2.6%DoD หลังคาดว่าซาอุฯ จะลดการผลิตแบบสมัครใจ 1MBD ต่อเนื่องถึง ก.ย. ขณะที่รัสเซียจะลดการส่งออก 0.3MBD ขณะที่การประชุม JMMC ของกลุ่ม OPEC+ จะมีขึ้นพรุ่งนี้
• AMAZON ผลประกอบการดีกว่าคาดจากธุรกิจ E-Commerce ขณะที่ APPLE ต่ำกว่าคาดจากยอดขาย iPhone ที่พลาดเป้า
• ศาล รธน. เลื่อนการพิจารณารับ-ไม่รับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดินไปเป็น 16 ส.ค. ขณะที่ประชุมสภาฯ ในวันนี้เลื่อนวาระการโหวตนายกฯ ออกไป คงเหลือแต่วาระพิจารณาแก้ไข รธน. ม. 272
• สนค. คาด 2H66 ราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้นตามงานก่อสร้างเพิ่มขึ้น ส่งผลต้นทุนพุ่ง แต่อาจขยายตัวน้อยกว่าคาดหาก ศก. โลกชะล
• กองทุนน้ำมันจ่ายเงินอุดหนุนไปแล้ว 696 ลบ. ในช่วง 1 สัปดาห์ หลังคลังไม่ต่อลดภาษีดีเซลตั้งแต่ 21 ก.ค. 2566 ทำให้การตรึงราคาดีเซลที่ลิตรละ 32 บาท ทำได้ไม่เกิน 1-2 เดือน
• กฟผ. ประกาศไม่ยืดหนี้ คงจ่ายคืนงวดสุดท้าย เม.ย.68 กังวลกระทบสภาพคล่อง-เรตติ้ง ทำดอกเบี้ยลงทุนแพง ส่งผลค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค.อยู่ที่ 4.45 บาท/หน่วย ลดลงจากงวด พ.ค.-ส.ค. ที่ 4.70 บาท/หน่วย
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET ยังเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และเข้าสู่ช่วงติดตามผลการดำเนินงาน 2Q66 ของหุ้น Real Sector ส่วนการประชุมนโยบายของ กนง. (วันที่ 2 ส.ค.) ตลาดคาดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bps ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมองตลาดจับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีนและสหรัฐ รวมทั้งผลการดำเนินงาน 2Q66 ที่ทยอยออกมาคาดมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ช้าในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET อยู่ระหว่างรอความชัดเจนปัจจัยการเมืองในประเทศ รวมทั้งจับตาการเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน 2Q66 ของ บจ. ไทยและต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY และ QoQ เลือก ADVANC BEM GULF รวมทั้งเก็งกำไรหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 มีโอกาสดีกว่าตลาดคาด เลือก AOT MINT
2. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q66 และจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้น QoQ และ YoY ใน 3Q-4Q66 เลือก ERW PTT OSP KCE
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะออกมาอ่อนแอ และมีโอกาสตลาดจะปรับลดประมาณการ อาทิ กลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT BTG) และกลุ่มหลักทรัพย์ (ASP, MST) และ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
Daily focus
ERW คาด 2Q66 กำไรปกติที่ 70 ลบ. ฟื้นจากขาดทุนปกติ 131 ลบ. ใน2Q65 แต่ลดลงจาก 224 ลบ. ใน 1Q66 ตามฤดูกาล และคาดฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2H66 ทำให้ FY2566 คาดจะมีกำไรปกติ 502 ลบ. สูงกว่าระดับก่อน COVID-19 และคาดจะยังโตต่อในปี 2567 อีก 39% YoY
PTT ได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ รวมถึงค่าการกลั่นที่เร่งตัวขึ้น นอกจากนั้นผลประกอบการ 2Q66 ของ PTTEP ที่สูงกว่าคาดเป็นปัจจัยบวกเช่นกัน ทั้งยังคาดเงินปันผล 2 บ./หุ้น คิดเป็น Div. Yield 5.76% รวมถึงกระจายความเสี่ยงธุรกิจในธุรกิจพลังงานอย่างครบวงจร
ข่าวเด่น