คาด SET การฟื้นตัวยังถูกจำกัด โดยมีแนวต้านที่ 1540 และ 1550 จุด ตามลำดับ ด้านความไม่แน่นอนทางการเมือง ยังเป็นปัจจัยกดดัน รวมถึงสัญญาณเทคนิคที่เป็นลบ สร้าง downside ต่อดัชนี โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1520 และ 1510 จุด ตามลำดับ ด้านภาพรวมมองดัชนีเข้าสู่การพักฐาน
ประเด็นสำคัญ
•กรมธุรกิจพลังงานรายงานยอดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 6M66 อยู่ที่ 28,370 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 2.7%YoY สะท้อน ศก. ไทยฟื้นตัวจากจำนวน นทท. ต่างชาติเข้าไทยต่อเนื่อง
• CAAT ระบุขณะนี้มีสายการบินจากทั่วโลกขอรับเริ่มขอรับจัดสรรเวลาการบิน (Slot) ตารางบินฤดูหนาว (ต.ค. 66-มี.ค. 67) สำหรับเที่ยวบินใหม่เพื่อบินเข้าสู่สนามบินหลักของไทยอย่างหนาแน่น
• สหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.ค. +1.87 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าคาด 2 แสนตำแหน่ง อัตราการว่างงานที่ 3.5% ต่ำกว่าคาด 3.6% ค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมง +4.4% สูงกว่าคาด 4.2%
• ตลาดคาดหวัง Fed อาจยุติการคุมเข้มนโยบายการเงินเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ ศก. สหรัฐจะชะลอตัวลงแบบ soft landing ทางด้าน JP Morgan คาด ศก. สหรัฐไม่เสี่ยงที่จะถดถอยอีกต่อไป โดยคาดจะยังคงขยายตัวในปีนี้ และชะลอการขยายตัวในปีหน้า
• ประชุม OPEC+ คงนโยบายการผลิตตามข้อตกลง มิ.ย. ส่งผลให้ปรับลดกำลังการผลิตรวม 3.66 MBD ถึงสิ้นปี 2567ส่วนซาอุฯ ขยายเวลาลดการผลิตแบบสมัครใจ 1 MBD ถึงสิ้น ก.ย.
• Reuters ระบุ ปธน. ไบเดนจะใช้อำนาจพิเศษสั่งห้ามภาคเอกชนสหรัฐถ่ายโอนเทคโนโลยีที่มีความอ่อนไหวสูงเกี่ยวกับอุตฯ เซมิคอนดักเตอร์ ควอนตัม AI ให้แก่จีน ก่อนได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ
• หุ้น AAPL ลดลง 4.8% หลังยอดขายลดลงไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน และคาดว่าจะลดลงอีก โดยราคาหุ้นปรับลงวันเดียวมากสุดคิดเป็น % นับตั้งแต่ 29 ก.ย. 2565 ฉุดดัชนี S&P500 ลงราว 16 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ เนื่องจากรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และติดตามการเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงาน 2Q66 ของบริษัทจดทะเบียนไทยในกลุ่ม Real Sector ท่ามกลางการคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อที่จะชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมองตลาดยังรอจับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีนและสหรัฐต่างๆ รวมทั้งผลการดำเนินงาน 2Q66 ที่จะออกมาซึ่งคาดมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ช้าในช่วง 2H66 กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET ยังรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ รวมทั้งจับตาการเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน 2Q66 ของบจ. ไทยและต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY และ QoQ เลือก ADVANC (Defensive) BEM (Defensive) GULF (ราคาต่ำกว่าก่อนเลือกตั้ง)
2) เก็งกำไรหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 มีโอกาสดีกว่าตลาดคาด เลือก AOT (เป็นไตรมาสแรกที่กลับมาเก็บ minimum guarantee) MINT (NHH ประกาศงบเป็น record high)
3) หุ้นที่งบ 2Q66 ออกมาดีแล้ว และคาดงบจะดีต่อในช่วง 3Q66 เลือก SCGP (High Season ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์)
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะออกมาอ่อนแอ และมีโอกาสตลาดจะปรับลดประมาณการ อาทิ กลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT BTG) และกลุ่มหลักทรัพย์ (ASP, MST) และ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
Daily focus
PTTEP ช่วงสั้นมองราคาหุ้นจะได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นขานรับผลประชุมโอเปกพลัสลดการผลิตถึงสิ้นปีหน้า ขณะที่ 2Q66 รายงานกำไรที่ 2.1 หมื่นลบ. (+2%YoY, +9%QoQ) ดีกว่าคาดเล็กน้อย ส่วน Div. Yield ปี 2566 คาดหวังไว้ที่ 4-5%
MINT มอง valuation ยังไม่แพงที่ PER 66F ระดับ 29 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในอดีต ขณะที่คาดผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดย 2Q66 คาดกำไรปกติที่ราว 3 พีนลบ. (+YoY, +QoQ) และผลประกอบการที่ดีขึ้นใน 2H66 จะช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวดีกว่าตลาดได้
ข่าวเด่น