คาด SET ยังอยู่ในช่วงรีบาวด์ และมีปัจจัยหนุนความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีแนวต้านเป้าหมายที่ 1540-1550 จุด ซึ่งคาดจะเริ่มมี upside จำกัด บริเวณนี้ ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1530 และ 1520 จุด ตามลำดับ หากต่ำกว่า เริ่มเป็นสัญญาณลบ
ประเด็นสำคัญ
• สมาคมชมรมบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย หารือ ธปท. ขยายเวลามาตรการชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตที่ 5% ที่จะสิ้นสุดปีนี้กลับไปเป็น 8% ปีหน้า และ 10% ในปี 2568 กังวลกระทบการชำระหนี้ลูกค้า-หนี้เสียเพิ่มขึ้น รวมถึงขอปรับขึ้นเพดาน ดบ. บัตรเครดิตสูงกว่า 16%
• เครดิตบูโรกังวลหนี้เสียรถยนต์ 2Q66 เพิ่ม 18% อยู่ที่กว่า 2 แสนลบ. สะท้อนกลุ่มเปราะบาง
• นักเศรษฐศาสตร์หลายแห่งเตรียมลดเป้า GDP ปีนี้ลงจากส่งออกชะลอตัวกว่าคาด ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ การตั้งรัฐบาลล่าช้า
• สมาคมผู้เลี้ยงไก่เพื่อส่งออกไทยระบุราคาไก่เป็น 3Q66 ปรับลงกว่า 10 บ./กก. เหลือ 35-36 บ. เหตุจากอุปสงค์ตลาดโลกชะลอตัว-สต็อกล้น สวนทางกับอุปทานที่เกษตรกรเลี้ยงไก่เพิ่ม
• วันนี้ธนาคารกลางรัสเซียจะเรียกประชุมด่วน หลังเงินรูเบิลอ่อนค่าต่ำกว่า 100 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ มี.ค. 65
• เจเน็ต เยลเลน รมว. คลังสหรัฐ ระบุการชะลอตัว ศก. กิจจีนเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบลุกลามไปยัง ศก. ปท. อื่นๆ แต่ยังเชื่อ ศก. สหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอยในปีนี้
• IEA ระบุการใช้น้ำมันโลกอยู่ที่ 103 ล้านบาร์เรล เป็นครั้งแรกในเดือน มิ.ย. และมีโอกาสพุ่งสูงขึ้นอีกในเดือน ส.ค. จากการบริโภคของจีนและประเทศในเอเชียแปซิฟิก
• Tesla ลดราคารถยนต์ขายในจีน 5% ตั้งแต่ 14 ส.ค. 66 พร้อมแจกประกันภัยรถยนต์ฟรี
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1500-1550 โดยแม้จะเห็นสัญญาณ Fund Flow ชะลอแรงขายและเริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาด EM แต่คาดตลาดหุ้นไทยยังมี Upside จำกัด เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศยังไม่มีความชัดเจน และยังติดตามการเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศงบ 2Q66 ของ บจ. ไทย ทำให้บรรยากาศลงทุนยังเน้นหุ้นกลุ่ม Earnings Play เป็นหลัก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET มี Upside จำกัด เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศไม่มีความชัดเจน และยังติดตามโค้งสุดท้ายของการประกาศงบ 2Q66 ของ บจ. ไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ดังนี้
1) หุ้นที่ผลการดำเนินงาน 2Q66 เติบโตดี YoY และ 3Q66 แนวโน้มกำไรยังเติบโตดี YoY และ QoQ เลือก ADVANC BBL HMPRO III
2) หุ้นที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H66 ซึ่งคิดเป็น Div. Yield ราว 2% เลือก SPALI RJH TU
3) เก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำมันหลังผลการดำเนินงาน 2Q66 อ่อนแอ แต่จะปรับตัวดีขึ้น QoQ ใน 3Q66 เลือกเชิงพื้นฐาน BCP PTT และเลือกเชิงกลยุทธ์ TOP PTTEP
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
Daily focus
KCE มองผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยคาด 2H66 กำไรจะเติบโตจากการขยายกำลังผลิตของผลิตภัณฑ์ Special grade PCB ที่มีมาร์จิ้นสูงมากขึ้น และการมีต้นทุนที่คาดจะลดลง โดยเฉพาะราคาทองแดงในตลาดโลก และค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มลดลง
BDMS 2Q66 มีกำไร 3.1 พันลบ. เติบโต 15%YoY ดีกว่าที่เราคาด ขณะที่ 2H66 คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้น HoH และ YoY จากเข้าสู่ High Season และการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยต่างชาติ หนุนให้ปี 66 คาดกำไรปกติจะเติบโต 12%YoY สู่ระดับ 1.4 หมื่นลบ.
ข่าวเด่น