ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังจีนซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนอาจไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นได้
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) เปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกและผลผลิตอุตสาหกรรมของจีนในเดือน ก.ค. 66 เติบโตช้ากว่าที่คาด โดยยอดค้าปลีกปรับเพิ่มขึ้น 2.5% จากปีก่อนหน้า ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือน มิ.ย. 66 ที่เพิ่มขึ้น 3.1% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มที่ 4.5% ขณะที่ผลผลิตอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น 3.7% จากปีก่อนหน้า ซึ่งชะลอลงจากเดือน มิ.ย. 66 ที่ขยายตัว 4.4% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 4.4%
ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ลง 0.15% สู่ระดับ 2.5% เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 66 สะท้อนให้เห็นว่าจีนมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มถดถอย
หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 11 ส.ค. 66 ปรับตัวลดลง 6.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการนำเข้าน้ำมันเบนซินของเวียดนามปรับตัวลดลง แม้ว่าจะมีการหยุดซ่อมบำรุงของโรงกลั่น Nghi Son ของเวียดนามในเดือน ส.ค. 66 อย่างไรก็ตาม อุปสงค์น้ำมันเบนซินของมาเลเซียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากช่วงวันประกาศอิสรภาพในปลายเดือน ส.ค. 66
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจีนมีแนวโน้มส่งออกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์การส่งออกน้ำมันดีเซลในเดือน ส.ค. 66 อยู่ที่ประมาณ 600,000 ตัน
ข่าวเด่น