เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับระยะสั้นที่ 1,880 เหรียญ และแนวต้านที่ 1,905 เหรียญ


ทิศทางราคาทองคำ

 
ราคาทองคำยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ที่บริเวณ 1,885 เหรียญ ท่ามกลางแรงเทขายจากกองทุนทองคำ SPDR ที่ขายทองออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ SPDR ขายทองออกมา 6.93 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 887.5 ตัน ด้านดัชนีดอลลาร์ยังคงแข็งค่าอยู่เหนือระดับ 103 จุด โดยเมื่อวานนี้ดัชนีดอลลาร์เปิดที่ระดับ 103.48 จุด ขึ้นไปทำสูงสุดที่ระดับ 103.60 จุด ขณะที่เช้านี้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 103.28 จุด สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งทะลุ 4.3% แตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี หลังรายงานการประชุมเฟดส่งสัญญาณว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ สำหรับภาพรวมด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อวานนี้ อยู่ในเกณฑ์ดี โดย Philly Fed Manufacturing Index ออกมาดีขึ้นกว่าคาดการณ์ และ Unemployment Claims ออกมาลดลงกว่าคาด บ่งชี้ถึงภาพรวมตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐฯยังแข็งแกร่ง โดยไม่มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ในปีนี้ ส่งผลให้หลายฝ่ายคาดว่าเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่ออีกสักระยะนึง จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำในขณะนี้ ด้านภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ หลังมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2567 โดยคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2566 จะขยายตัว 4.7% ซึ่งลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 5% และได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2567 ลงสู่ระดับ 4.2% จากระดับ 4.5% อีกทั้งฟิทช์ เรทติ้งส์ ออกมาเตือนว่า อาจจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของจีนซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ A+ ลงสู่ระดับ A ซึ่งคำเตือนดังกล่าวได้เพิ่มแรงกดดันให้กับตลาดการเงินของจีน จึงส่งผลให้นักลงทุนโยกเงินมาลงทุนในตลาดพันธบัตรสหรัฐฯแทน ด้านค่าเงินบาทยังคงอยู่ในทิศทางอ่อนค่า โดยค่าเงินบาทขึ้นไปยืนอยู่เหนือระดับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้ค่าเงินบาทแข็งค่าลงมาเล็กน้อย อยู่ที่ระดับ 35.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง. ขณะที่ราคาทองคำไทยยังคงอยู่ในทิศทาง Sideways Down โดยลดลงจากระดับ 32,100 บาทต่อบาททองคำ ลงมาที่ระดับ 31,750 บาทต่อบาททองคำ สำหรับราคาน้ำมันดิบยังคงยืนอยู่เหนือระดับ 80 เหรียญต่อบาร์เรล โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 80.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเมื่อวานนี้

 
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
 
ราคาทองคำยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 5 เดือนที่บริเวณ 1,885 เหรียญ ภาพรวมราคาทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มทิศทางขาลง โดยเชิงเทคนิคราคาทองคำหลุดระดับ Fibonacci 61.8% ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าราคาทองคำมีโอกาสร่วงลงไปได้ต่อ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมในระยะสั้นราคาทองคำมีสัญญาณของกลับทิศ Bullish Divergence โดยเมื่อวานนี้จะเห็นว่าราคาทองคำพุ่งขึ้นมาเหนือระดับ 1,903 เหรียญได้ ขณะที่ยังมีแรงเทขายเข้ามาในตลาดทองคำอยู่ต่อเนื่อง โดยคาดว่าราคาทองคำจะมีแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 1,900 เหรียญ และมีแนวรับระยะสั้นถัดไปที่ระดับ 1,880 เหรียญ สำหรับแนวรับระยะยาวอยู่ที่ระดับ 1,850 เหรียญ และ 1,832 เหรียญตามลำดับ โดยแนะนำให้นักลงทุนบริหารความเสี่ยงให้ดี และลดการถือสถานะ Long สำหรับวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับระยะสั้นที่ 1,880 เหรียญ และแนวต้านที่ 1,905 เหรียญ

สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,895 เหรียญ และแนวต้าน 1,920 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,910 เหรียญ และแนวต้าน 1,935 เหรียญ สำหรับราคาทองคำไทยมีแนวรับที่ 31,500 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 31,900 บาท/บาททองคำ

Gold Futures Series Q23 จะมีแนวรับที่ระดับ 31,800 บาท และแนวต้านที่ระดับ 32,150 บาท

โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่างกันประมาณ 15 - 30 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

 
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
 
หาจังหวะ Open Short เน้นเทรดซื้อขายตามกรอบแนวโน้มทิศทางขาลง บริหารความเสี่ยงในการลงทุนให้ดี และลดการถือครอง Long Position

- นักลงทุนที่ถือ Long Position
ลดการถือครองสถานะ Long Position แต่หากต้องการเทรดระยะสั้น ให้เข้าซื้อตามแนวรับ และปิดทำกำไรตามแนวต้าน เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวันและควรมี Stop Loss หากราคาหลุดแนวรับ

- นักลงทุนที่ถือ Short Position
เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 ส.ค. 2566 เวลา : 10:57:21
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 7:43 am