มอง SET อยู่ในช่วงท้ายของการพักฐาน และคาดมี downside จำกัด บริเวณ 1500 +/- 5 จุด ด้านกรอบบนสำคัญอยู่ที่แนวต้าน 1530 จุด หากขึ้นทะลุผ่าน จะเป็นสัญญาณที่ดี ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ งาน Thailand Focus วันที่ 23-25 ส.ค. ที่คาดสร้าง sentiment เชิงบวกต่อตลาด และติดตามการโหวตนายกฯ ในวันพรุ่งนี้
ประเด็นสำคัญ
• กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุผลการตัดสินอย่างเป็นทางการจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากไทย มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา หลังพบบริษัทจีนเข้ามาใช้เป็นฐานการผลิตเพื่อเลี่ยงภาษี
• ติดตามสหรัฐเฝ้าระวังเฮอริเคนฮิลารีพัดเข้าสู่แคลิฟอร์เนีย อาจทำให้ระยะสั้นราคาน้ำมันดีเซล-เบนซินในฝั่งตะวันตกของสหรัฐปรับขึ้น
• อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน ก.ค. อยู่ที่ 5.3% ลดลงจาก มิ.ย. ที่ 5.5%
• Reuters ระบุโรงกลั่นน้ำมันในเอเชียกำลังหาแหล่งน้ำมันดิบอื่นเพื่อทดแทนของคูเวตที่ปรับลดการส่งออกกว่า 1 ใน 5 เพื่ออัดฉีดโรงกลั่นขนาดใหญ่แห่งใหม่ ส่งผลราคาน้ำมันดิบกำมะถันสูงพุ่งขึ้น และมีแนวโน้มที่จะบีบให้อัตรากำไรลดลง
• วันนี้สภาพัฒน์รายงาน GDP 2Q66 คาด +2.6%YoY ชะลอลงจาก 1Q66 ที่ +2.7%YoY จับตาปรับ GDP ปีนี้ลงจากส่งออกชะลอ-ตั้งรัฐบาลช้า ด้าน TDRI คาด GDP ปีนี้ 3.0-3.5% จากท่องเที่ยวฟื้นตัว
• กรมควบคุมโรคเตือนปีนี้ไทยเจอโรคประจำฤดูกาล เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ระบาดหนัก โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-17 ส.ค.66 พบผู้ป่วยแล้ว 9.7 หมื่นคน เพิ่มจากปีก่อนถึง 3 เท่า
• ค่ายรถยนต์-ผู้พัฒนาอสังหาฯ ระบุการเมืองไม่ชัดเจน-ดอกเบี้ยสูงฉุดกำลังซื้อคนไทย โดยมียอดปฏิเสธสินเชื่อ 20% ยอดปฏิเสธ สินเชื่อบ้าน 40% อีกทั้งหนี้ครัวเรือนแตะ 90% สูงรอบกว่า 10 ปี ส่งผลผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ
• ราคาคริปโทฯ ยังผันผวนจากความกังวล ดบ. อยู่ในระดับสูงต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1500-1550 โดยหากการโหวตนายกวันที่ 22 ส.ค. ได้ข้อสรุปมีโอกาสที่ดัชนีปรับขึ้นทดสอบกรอบบนที่ 1550-1560 และคาดจะเห็น Fund Flow เริ่มไหลกลับเข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ดี บรรยากาศลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้นคาดยังถูกกดดันจากปัจจัยเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและจีน รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดที่การประชุมแจ็กสันโฮล (24-26 ส.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ทำให้คาด SET ยังมี Upside จำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET มี Upside จำกัด โดยแม้ลุ้นปัจจัยการเมืองในประเทศมีพัฒนาการดีขึ้น แต่ยังถูกกดดันจากความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ดังนี้
1) 8 หุ้นเด่นใน 4 อุตสาหกรรมสำหรับโอกาสเก็งกำไรใน 2H66 ซึ่งคาดกำไรจะเติบโต HoH และ YoY เลือก PTT BCP KCE HANA BDMS BCH AOT ERW
2) หุ้นที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H66 ซึ่งคิดเป็น Div. Yield ราว 2% เลือก SPALI (XD 22 ส.ค.) LH (XD 24 ส.ค.) HTC (XD 24 ส.ค.) AH (XD 29 ส.ค.)
3) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลกลับ เลือก KBANK GULF CRC HMPRO
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
Daily focus
TOP 2H66 คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้น HoH จาก market GRM ที่ดีขึ้น แรงหนุนจาก crack spread ของน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศที่สูงขึ้นท่ามกลางอุปสงค์ตามฤดูกาลที่แข็งแกร่งและสินค้าคลังต่ำทั่วโลก ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ก็จะกว้างขึ้นเช่นกัน
ADVANC 3Q66 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY จากการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB ที่ลดลงต่อเนื่องและฐานผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น โดยการย่อตัวของราคาหุ้นวันนี้ เนื่องจากมีการขึ้น XD จ่ายปันผลระหว่างกาล 4 บาท มองเป็นโอกาสซื้อ
ข่าวเด่น