คาด SET มีแนวโน้มปรับขึ้นได้ต่อ โดยมีปัจจัยหนุนความชัดเจนด้านการเมือง หลังมีการโหวตนายกฯ ได้แล้วเมื่อวานนี้ โดยลำดับถัดไปติดตามรายชื่อ ครม.ด้านแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1555 และจุดสูงเดิมบริเวณ 1562 จุด ตามลำดับ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1535 และจุดติดตามบริเวณ 1525 จุด หากไม่ต่ำกว่า ยังเป็นสัญญาณที่ดี
ประเด็นสำคัญ
• วานนี้สภาฯ มีมติเห็นชอบ 482 เสียงให้คุณเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐฯ คนที่ 30 เรามองการจัดตั้งรัฐบาลที่ชัดเจนขึ้นจะส่งผลบวกต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทย คาดกลุ่มค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภคจะได้อานิสงส์อันดับแรกจากนโยบายเศรษฐกิจของพรรคร่วมรัฐบาลขั้วผสม เลือก CPAXT CPALL TNP BJC OSP
• กทพ.ชะลอขึ้นค่าผ่านทางของทางพิเศษฉลองรัชและบูรพาวิถีอีก 6 เดือน มีผล 1 มี.ค. 67 ลดค่าใช้จ่าย ปชช. และผู้ประกอบการขนส่ง
• ก. ท่องเที่ยวระบุ 1 ม.ค.-20 ส.ค. 66 มี นทท. ต่างชาติเข้าไทยแล้ว 17,028,411 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายกว่า 7.14 แสนลบ.
• ธปท. ระบุสินเชื่อระบบ ธ.พ. 2Q66 หดตัว 0.4% จากการทยอยชำระคืนหนี้ของภาคธุรกิจ NPL รถยนต์เพิ่มขึ้นจาก 1.89% ใน 1Q66 เป็น 2.05% สินเชื่อรายย่อยกลุ่มอื่นมี NPL ทรงตัว
• รมว. พลังงานอิรักหารือกับทางการตุรกีรื้อฟื้นการส่งออกน้ำมัน หลังจากตุรกีระงับการส่งออกน้ำมันของอิรัก 4.5 แสนบาร์เรล/วัน ผ่านทางท่อส่งน้ำมันที่อยู่ในทั้ง 2 ปท. ตั้งแต่ มี.ค. ที่ผ่านมา
• ภัยแล้งจากเอลนีโญกระทบการขนส่งทางเรือในคลองปานามารุนแรง เรือต้องลดน้ำหนักด้วยการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์หลายร้อยตู้ ขณะที่อินเดียเก็บภาษีส่งออกหัวหอมเพิ่ม 40% หลังผลผลิตได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก
• ญี่ปุ่นจะเริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจาก รฟฟ. นิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงมหาสมุทรแปซิฟิกในวันที่ 24 ส.ค. นี้
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET มีโอกาสที่จะปรับขึ้นทดสอบกรอบบนที่ 1550-1560 หลังการโหวตนายกฯ ได้ข้อสรุป และคาดจะเห็น Fund Flow เริ่มไหลกลับเข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ดี บรรยากาศลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้นคาดยังถูกกดดันจากปัจจัยเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและจีน รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดที่การประชุมแจ็กสันโฮล (24-26 ส.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ทำให้คาด SET ยังมี Upside จำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET มี Upside จำกัด โดยแม้ลุ้นปัจจัยการเมืองในประเทศมีพัฒนาการดีขึ้น แต่ยังถูกกดดันจากความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ดังนี้
1) 8 หุ้นเด่นใน 4 อุตสาหกรรมสำหรับโอกาสเก็งกำไรใน 2H66 ซึ่งคาดกำไรจะเติบโต HoH และ YoY เลือก PTT BCP KCE HANA BDMS BCH AOT ERW
2) หุ้นที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H66 ซึ่งคิดเป็น Div. Yield ราว 2% เลือก LH (XD 24 ส.ค.) HTC (XD 24 ส.ค.) AH (XD 29 ส.ค.)
3) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลกลับ เลือก KBANK GULF CRC HMPRO
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
Daily focus
CPAXT 2H66 คาดกำไรจะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ (เพิ่มขึ้น YoY และ HoH) แรงหนุนจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้เสร็จในเดือน เม.ย. รวมทั้งยอดขายที่จะดีขึ้นทั้งจากธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C ด้วยการผนึกกำลังทางธุรกิจมากขึ้น
GULF 2H66 คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น YoY และ HoH แรงหนุนจากโรงไฟฟ้า IPP อีกแห่งหนึ่ง คือ GPD หน่วยที่ 2 (662.5MW) จะเริ่มดำเนินการในเดือน ต.ค. 66 และส่วนแบ่งกำไรจาก Jackson Generation คาดจะเพิ่มขึ้น HoH เทียบกับขาดทุน 349 ลบ. ใน 1H66 จากราคาไฟฟ้าต่ำ
ข่าวเด่น