ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำเริ่มกลับมาทรงตัวที่บริเวณ 1,895 เหรียญ โดยไม่ได้ลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ ท่ามกลางตลาดยังคงถูกกดดันจากความคิดเห็นของประธานเฟดบางสาขา ที่สนับสนุนให้เฟดยังคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังอยู่ในเกณฑ์แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงคาดว่าเฟดมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งกดดันให้ราคาทองคำมีแรงเทขาย โดยเฉพาะจากกองทุนทองคำ SPDR ที่ขายออกต่อเนื่องอีก 4.33 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 884.9 ตัน สำหรับวันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Flash Manufacturing PMI และ Flash Services PMI คาดการณ์ว่าจะออกมาลดลงจากเดิม ขณะที่ New Home Sales และ Crude Oil Inventories คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิม และติดตามการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางของราคาทองคำเช่นเดียวกัน โดยหากวิเคราะห์จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีขึ้น แต่ตัวเลขภาคเงินเฟ้อยังไม่ลดลง รวมถึงการแสดงความคิดเห็นของประธานเฟดบางสาขา เชื่อว่าเฟดน่าจะมีโอกาสในการส่งสัญญาณเข้มงวดทางนโยบายการเงินต่อ ซึ่งจะส่งผลลบต่อราคาทองคำ ทำให้ภาพรวมราคาทองคำขณะนี้ปรับร่วงลงมาค่อนข้างมาก รวมถึง indicator ต่างๆ อยู่ในภาวะ Oversold อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำมีการปรับสมดุล หลังจากเกิดแรงขายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำดีดขึ้นมาทรงตัวเพื่อรอความชัดเจนของเฟดต่อไป ซึ่งมีโอกาสที่ราคาทองคำจะร่วงลงได้ หากเฟดส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินเข้มงวด จึงแนะนำให้นักลงทุนบริหารความเสี่ยงให้ดี ด้านค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าลง จากข่าวการเมืองที่ประเทศได้นายกฯคนใหม่ ซึ่งมองว่าค่าเงินบาทน่าจะมีโอกาสแข็งค่าได้ต่อ และราคาทองไทยน่าจะปรับลดลงอีก เนื่องจากราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวลดลงมาประมาณ 4-4.5% แล้ว ขณะที่ทองไทยปรับตัวลดลงมาประมาณ 1.7-2% อีกทั้งราคาทองคำ ยังถูกกดดันจากการที่ดัชนีดอลลาร์ยังอยู่ในภาวะแข็งค่า ทำให้นักลงทุนโยกเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดพันธบัตรซึ่งให้ผลตอบแทนที่แน่นอนกว่า ด้านภาพรวมเศรษฐกิจโลกเติบโตค่อนข้างชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจยุโรป จีน ญี่ปุ่น ยังไม่ฟื้นตัวเท่าไรนัก ขณะที่ไทยด้านภาคการส่งออกยังคงหดตัว
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำในระยะสั้นมีการทรงตัวในลักษณะของการปรับฐาน Indicator หลังเข้าสู่สภาวะ ขายมากเกินไป หรือ Oversold ดังนั้นจึงคาดว่าภายใน 2-3 วันนี้ ราคาทองคำจะเคลื่อนตัวในกรอบ Sideways โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ 1,890 เหรียญ และแนวต้านที่ 1,905 เหรียญ อย่างไรก็ตาม แนะนำให้นักลงทุนติดตามการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญาณบ่งชี้ความชัดเจนของทิศทางนโยบายการเงินเฟด เน้นบริหารความเสี่ยงในช่วงที่ราคาทองคำปรับสมดุลเพื่อรอความชัดเจนของทิศทางราคาทองคำ และควรบริหาร Margin ให้ดี
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,905 เหรียญ และแนวต้าน 1,920 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,920 เหรียญ และแนวต้าน 1,935 เหรียญ สำหรับราคาทองคำไทยมีแนวรับที่ 31,100 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 31,500 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series Q23 จะมีแนวรับที่ระดับ 31,500 บาท และแนวต้านที่ระดับ 31,800 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่างกันประมาณ 15 - 30 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำลงทุนในกรอบ Sideways ตามการแกว่งตัวของราคาระหว่างวัน ลงซื้อขึ้นขาย เน้นเทรดเก็งกำไรระยะสั้น ระวังความผันผวนของราคา บริหารความเสี่ยงในการลงทุนให้ดี ติดตามการประชุมประจำปีเฟดในวันศุกร์นี้
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
แนะนำเทรดระยะสั้น ให้เข้าซื้อตามแนวรับ และปิดทำกำไรตามแนวต้าน เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวันและควรมี Stop Loss หากราคาหลุดแนวรับ
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน
ข่าวเด่น