SET ขึ้นทดสอบจุดสูงเดิมบริเวณ 1562 จุด และยังไม่ผ่าน ทำให้สัญญาณเทคนิคมีแนวโน้มชะลอตัวและนักลงทุนรอติดตามถ้อยแถลงประธานเฟดในคืนนี้ เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ย ด้านแนวโน้มดัชนีมองชะลอตัว โดยแกว่งในกรอบ โดยมีกรอบบนที่ 1562 จุด และกรอบล่างอยู่ที่ 1550 และ 1540 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• วันนี้จับตาเจอโรม พาวเวล ปธ. Fed ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของ Fed ที่เมืองแจ๊กสัน โฮล เพื่อหาสัญญาณทิศทาง ดบ.
• กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 240,000 ราย
• กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐลดลง 5.2% ในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2563 หลังจากเพิ่มขึ้น 4.4% ในเดือน มิ.ย.
• รมว. พาณิชย์สหรัฐเตรียมเดินทางเยือนจีนในสัปดาห์หน้าเพื่อหารือเชิงลึกเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา ศก. และการค้า
• จีนตอบโต้ญี่ปุ่นปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีลงมหาสมุทรแปซิฟิก สั่งระงับสินค้าทะเลนำเข้าทันที
• BRICS ตัดสินใจเชิญอาร์เจนตินา, อียิปต์, เอธิโอเปีย, อิหร่าน, ซาอุดีอาระเบีย, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เข้าเป็นรัฐสมาชิก มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567
• ส.อ.ท. รายงานยอดผลิตรถยนต์ ก.ค. อยู่ที่ 149,709 คัน เพิ่มขึ้น 4.72%YoY เนื่องจากยอดผลิตเพื่อส่งออกอยู่ที่ 86,552 คัน เพิ่มขึ้น 9.48%YoY ขณะที่ยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ 63,157 คัน ลดลง 1.16%YoY หลังธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อรถยนต์มากขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1500-1550 โดยแม้สถานการณ์การเมืองไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้นส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนและคาดเห็น Fund Flow เริ่มไหลกลับเข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แต่ระยะสั้นคาดตลาดหุ้นทั่วโลกยังถูกกดดันจากปัจจัยเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและจีน รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดที่การประชุมแจ็กสันโฮล (24-26 ส.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ทำให้คาด SET ยังมี Upside จำกัด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET มี Upside จำกัด โดยแม้ลุ้นปัจจัยการเมืองในประเทศมีพัฒนาการดีขึ้น แต่ยังถูกกดดันจากความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ดังนี้
1) 8 หุ้นเด่นใน 4 อุตสาหกรรมสำหรับโอกาสเก็งกำไรใน 2H66 ซึ่งคาดกำไรจะเติบโต HoH และ YoY เลือก PTT BCP KCE HANA BDMS BCH AOT ERW
2) หุ้นที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H66 ซึ่งคิดเป็น Div. Yield ราว 2% เลือก AH (XD 29 ส.ค.)
3) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลกลับ เลือก KBANK GULF CRC HMPRO
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
Daily focus
AOT ผลประกอบการ 4QFY66 (ก.ค. – ก.ย. 66) คาดจะเติบโต QoQ และ YoY จากการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารระหว่างประเทศ อีกทั้งกลับมาเก็บ Minimum guarantee ตั้งแต่ เม.ย. 66 ขณะที่ปี FY66 คาดพลิกมีกำไร 9.6 พันลบ. และจะเติบโตก้าวกระโดดสู่ 2.6 หมื่นลบ. ในปี FY67
BJC 2H66 คาดกำไรจะกลับมาเติบโต YoY แรงหนุนยอดขายที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจและการขยายตัวของมาร์จิ้นซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากมาร์จิ้นของกลุ่ม PSC ที่ฟื้นตัวดีขึ้นเพราะต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลง โดย 4Q66 คาดจะเป็นไตรมาสที่มีกำไรดีสุดของปี 2566 จากปัจจัยฤดูกาล
ข่าวเด่น