สัญญาณเทคนิคระยะสั้น แสดงถึงโอกาสชะลอตัวของดัชนี และนักลงทุนในตลาดรอดูรายชื่อ ครม. รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมแนวโน้มราคา ยังมีสัญญาณที่ดีต่อการปรับขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวรับที่ 1550 และ 1540 จุด ตามลำดับ เป็นจุดรองรับ ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1570 และ 1580 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 78.5% ที่ Fed จะคง ดบ. ที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุม ก.ย. และให้น้ำหนัก 21.5% ที่จะขึ้น ดบ. 0.25% นอกจากนี้ให้น้ำหนัก 51% ที่จะขึ้น ดบ. 0.25% สู่ 5.50-5.75% ในการประชุม พ.ย. และให้น้ำหนัก 37.9% ที่จะคง ดบ.
• พายุโซนร้อนอิดาเลียกำลังก่อตัวขึ้นในอ่าวเม็กซิโก อาจทวีความรุนแรงกลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนพัดถล่มฝั่งตะวันออกของเขตกัลฟ์โคสต์ในรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันดิบที่สำคัญของสหรัฐ
• อินเดียประกาศขึ้นภาษีส่งออกข้าวนึ่ง 20% มีผล 25 ส.ค.-16 ต.ค. นี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาข้าวภายใน ปท. หลังระงับการส่งออกข้าวทุกชนิดจากผลกระทบเอลนีโญ
• นายกฯ เศรษฐาหารือ 8 สายการบิน ทอท.-กพท. หลังมีแผนเปิด ฟรีวีซ่า จีน อินเดีย เพิ่มเที่ยวบิน 20% รับนักท่องเที่ยวไฮซีซัน
• กบน.เตรียมพิจารณาทบทวนราคาขายปลีก LPG ถัง 15 กก. ที่อยู่ที่ 423 บ./ถัง สิ้นสุด 31 ส.ค. นี้ ว่าจะตรึงราคาต่อไปหรือไม่
• สภาพัฒน์ ระบุหนี้ครัวเรือนไทยสูง ตัวเลข NPL จากเครดิตบูโรสูงกว่าฐานข้อมูล ธพ. 3 เท่า ที่ 7.6% สะท้อนลูกหนี้นอกระบบก่อหนี้สูง หนี้เสียสินเชื่อรถยนต์ 1Q66 เพิ่มขึ้น 30% สูงสุด 14 ไตรมาส ขณะที่สถานการณ์ด้านแรงงานดีขึ้น 2Q66 การจ้างงานเพิ่มขึ้น 1.7%YoY จากการขยายตัวในสาขานอกภาคเกษตรกรรม ขณะที่ภาคเกษตรกรรมได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET แกว่งตัวในกรอบ 1550-1600 จุด หลังการเมืองไทยชัดเจนขึ้น โดยคาดภายหลังการจัดตั้ง ครม. ใหม่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนและ Fund Flow แต่อย่างไรก็ดี เรายังคงกังวลภาพรวมเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน ซึ่งอาจกดดัน Upside ของ SET ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว
Weekly Portfolio : มอง SET มีแรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ แต่ Upside ยังจำกัดจากความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ดังนี้
1) หุ้นที่เหมาะลงทุนระยะกลาง แนะนำ 8 หุ้นเด่นใน 4 อุตสาหกรรม ซึ่งคาด 2H66 กำไรจะเติบโต HoH และ YoY เลือก PTT BCP KCE HANA BDMS BCH AOT ERW
2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากนโยบายเศรษฐกิจทำทันทีหลังพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล เลือก กลุ่มค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม (TNP CPALL CPAXT BJC OSP HTC) ซึ่งนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท พักหนี้เกษตรกรและธุรกิจเฉพาะ รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน จะทำให้กำลังซื้อภาคครัวเรือนดีขึ้น ช่วยหนุนการเติบโตของยอดขาย
3) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลกลับ เลือก KBANK GULF CRC BGRIM
ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
ล็อคเป้าลงทุน
KCE มองน่าสนใจสุดในกลุ่มฯ หลังเห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นใน 2H66 และต่อเนื่องไปยังปี 2567 จากปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับรถยนต์ที่ฟื้นตัวจากการลดสินค้าคงคลังในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ Valuation ยังมีส่วนลดเมื่อเทียบกับ PE mean ในอดีต
BBL 3Q66 และปี 2566 คาดจะรายงานกำไรเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มธนาคารอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจาก credit cost ที่ลดลงมากสุด NIM ที่กว้างขึ้นพร้อมกับแนวโน้ม upside และสินเชื่อที่เติบโตอย่างยั่งยืน
ข่าวเด่น