เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "พักตัวลดความร้อนแรง"


SET ไม่ผ่านแนวต้าน 1580 จุด และปรับตัวลง สร้างสัญญาณลบทางเทคนิคต่อการพักตัว เพื่อลดความร้อนแรง หลังปรับขึ้นต่อเนื่องก่อนหน้านี้ โดยมีแนวรับที่ 1560 และ 1550 จุด ตามลำดับ ส่วนในช่วงนี้ มี upside ระยะสั้นจำกัดที่แนวต้าน 1570 และ 1580 จุด ตามลำดับ ประเด็นสำคัญ ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐในคืนนี้

ประเด็นสำคัญ
 
• สหรัฐรายงานดัชนี PCE ทั่วไป ก.ค. เพิ่มขึ้น 3.3%YoY สูงกว่าคาดที่ 3.0%YoY ขณะที่ดัชนี PCE พื้นฐาน ก.ค. เพิ่มขึ้น 4.2%YoY ใกล้เคียงคาดที่ 4.1%YoY ด้านจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ 2.28 แสนราย ต่ำกว่าคาดที่ 2.35 แสนราย
 
• ปธน. สี จิ้นผิง อาจไม่เข้าร่วมประชุมผู้นำ G20 ในอินเดียในสัปดาห์หน้า โดยนายกฯ หลี่ เฉียง จะเข้าร่วมแทน
 
• จีนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิต ส.ค. ที่ 49.7 จาก 49.3 ใน ก.ค. แต่ยังต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะหดตัว
 
• Reuters รายงาน GDP ญี่ปุ่นปีนี้คาดลดลง 0.2% จากจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นบังคับใช้คำสั่งห้ามผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจากญี่ปุ่นแบบครอบคลุม
 
• Salesforce บริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของสหรัฐเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดใน 2Q66 และปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรและรายได้ในปีนี้
 
• ส.อ.ท. ระบุกรณีที่นายกฯ จะพิจารณาปรับลดราคาไฟฟ้าและน้ำมันในการประชุม ครม. นัดแรกว่าเป็นเรื่องที่ดี ช่วยลดค่าครองชีพ ปชช. ต้นทุนภาคธุรกิจ SMEs ส่วนจะลดลงอย่างไร และอัตราใด ต้องรอดูความชัดเจนต่อไป
 
• ธปท. ประเมินแจกเงินดิจิทัล 5 แสนลบ. คิดเป็น 3% ของ GDP หากหมุน 3 รอบจะเพิ่ม GDP 3% แต่กังวลดันเงินเฟ้อเพิ่ม นอกจากนี้เตรียมปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ หลังการส่งออก รวมทั้งรายได้ต่อหัวนักท่องเที่ยวยังชะลอตัว

กลยุทธ์การลงทุน
 
มอง SET แกว่งตัวในกรอบ 1550-1600 จุด หลังการเมืองไทยชัดเจนขึ้น โดยคาดภายหลังการจัดตั้ง ครม. ใหม่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนและ Fund Flow แต่อย่างไรก็ดี เรายังคงกังวลภาพรวมเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน ซึ่งอาจกดดัน Upside ของ SET ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว

Weekly Portfolio : มอง SET มีแรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ แต่ Upside ยังจำกัดจากความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ดังนี้

1) หุ้นที่เหมาะลงทุนระยะกลาง แนะนำ 8 หุ้นเด่นใน 4 อุตสาหกรรม ซึ่งคาด 2H66 กำไรจะเติบโต HoH และ YoY เลือก PTT BCP KCE HANA BDMS BCH AOT ERW

2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากนโยบายเศรษฐกิจทำทันทีหลังพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล เลือก กลุ่มค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม (TNP CPALL CPAXT BJC OSP HTC) ซึ่งนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท พักหนี้เกษตรกรและธุรกิจเฉพาะ รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน จะทำให้กำลังซื้อภาคครัวเรือนดีขึ้น ช่วยหนุนการเติบโตของยอดขาย

3) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลกลับ เลือก KBANK GULF CRC BGRIM

ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

ล็อคเป้าลงทุน

CPAXT 2H66 คาดกำไรโตเด่นสุดในกลุ่มฯ (เพิ่มขึ้น YoY และ HoH) แรงหนุนจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้เสร็จในเดือน เม.ย. อีกทั้งยอดขายจะดีขึ้นจากธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C ด้วยการผนึกกำลังทางธุรกิจมากขึ้น

BDMS 2H66 คาดกำไรจะดีขึ้น HoH ตามฤดูกาล และเติบโต YoY แรงหนุนจากแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 30% (จาก 28% ใน 1H66) หนุนให้ปี 66 คาดกำไรปกติจะเติบโต 12%YoY สู่ระดับ 1.4 หมื่นลบ.
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 01 ก.ย. 2566 เวลา : 11:16:36
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 5:47 am